คุมตัว “เสือปุ่น-ลูกสมุน” ฝากขังศาลอาญา เผย อยากขอโทษแม่
จับกุมเสือปุ่นและนายบอล ปล้นทรัพย์เงินสด 3.4 ล้านบาท ย่านลาดพร้าว โดยมีการยื่นคำร้องขอฝากขังในข้อหา ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธในเวลากลางคืน และใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิด
เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจสืบนครบาล เข้าจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี และนายบอล อายุ 35 ปี ได้ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งในตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยของกลางเป็นอาวุธปืนสั้นขนาด จุด 365 เครื่องกระสุนปืน 29 นัด เงินสด 3 พันบาท รถเก๋งฮอนด้า แอคคอร์ด สีดำ ทะเบียนกค 4520 พิจิตร ซึ่งเป็นทะเบียนปลอม กระเป๋าหลุยส์ วิตตองค์ 2 ใบ
พันตำรวจเอก สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการ กองบังคับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบัญชาการตำรวจ เปิดเผยหลังสอบปากคำผู้ต้องหาว่า การจับกุมในครั้งนี้ชุดสืบสวนเฝ้าติดตามมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่ต้องวางแผนเพื่อความปลอดภัยขณะเข้าทำการจับกุม ตอนนี้ผู้ต้องหายังให้การวกวนไปมา จับใจความได้เพียงแค่ ทั้งสองคนผลัดกันขับรถ เปลี่ยนที่พักไปมาเพื่อให้ยากต่อการตามจับกุม ยอมรับว่ามีการแบ่งเงินกัน แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียดเรื่องของสัดส่วน รวมทั้งเรื่องของการวางแผนในการก่อเหตุ ซึ่งคืนนี้จะทำบันทึกจับกุม แล้วส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธินดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมา เวลา 10.30 น. ที่ สน.พหลโยธิน สายตาทุกคู่จับจ้องไปยัง นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี หัวหน้าแก๊งปล้นทรัพย์เงินสด 3.4 ล้านบาท ย่านลาดพร้าว ขณะถูกนำตัวออกจากห้องควบคุม พร้อมกับ นายบอล ลูกสมุนวัย 35 ปี เพื่อขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหา มุ่งหน้าไปยัง ศาลอาญารัชดา โดยมีการยื่นคำร้องขอฝากขังในข้อหา ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธในเวลากลางคืน และใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิด
ตำรวจยืนยันชัด คัดค้านการประกันตัว ด้วยเหตุผลคดีมีอัตราโทษสูง และผู้ต้องหาเคยมีพฤติกรรมหลบหนี หากได้รับการปล่อยชั่วคราวเกรงว่าจะหลบหนีอีก
ระหว่างขึ้นรถควบคุม ผู้สื่อข่าวพยายามยิงคำถามถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุ และสถานะหัวหน้าแก๊ง เสือปุ่นไม่กล่าวใด ๆ มีเพียงเสียงเบา ๆ ตอบกลับเมื่อถูกถามว่าอยากขอโทษแม่หรือไม่ว่า “ครับ”
ฉากสะเทือนใจเกิดขึ้นเมื่อ มารดา ของเสือปุ่นมารอพบลูกชาย บอกว่า “เดี๋ยวแม่จะไปหาที่ศาลนะ” เสือปุ่นเพียงตอบเบา ๆ ด้วยสีหน้าเศร้า “ไม่ต้องครับแม่…กลับบ้านเลย กลับบ้านดี ๆ” คำพูดสั้น ๆ แต่สะท้อนความรู้สึกผิดที่สะสมอยู่ในใจของชายผู้เดินพลาดมาไกล
การจับกุมครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของคดีปล้น 3.4 ล้านบาท ที่เขย่าวงการขนส่งเงินเอกชน และสร้างความตื่นตระหนกในสังคม หลังการวางแผนแยบยลและลงมืออย่างรวดเร็ว จนนำไปสู่การไล่ล่าที่กินเวลาหลายวัน และสุดท้ายคนร้ายก็มิอาจหนีเงื้อมมือกฎหมายพ้น และสายตาอ่อนล้า เสียงเบา ๆ ที่เอ่ยขอโทษแม่ กับคำพูด กลับบ้านเลยแม่ อาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาจะได้พูดต่อหน้าผู้ให้กำเนิด ก่อนต้องไปชำระความผิดในเส้นทางของกฎหมายที่เขาเลือกเดินเอง
เท่ากับว่าคดีนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว 6 คน ยังเหลือ ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่หนึ่งคน คือนายรุ่งนิรันดร์ หรือ โบ้ อายุ 32 ปี
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews