ด.ญ.เอเชีย “หายตัว” ระหว่างทางไป รร.ในออสเตรเลีย 18 ปีเผยตัวผู้ก่อเหตุ พ่อแม่ช็อกมาก!
เด็กหญิงเชื้อสายเวียดนาม หายตัวปริศนาในออสเตรเลีย 18 ปีต่อมา "คนร้าย" โผล่มอบตัว แต่ไร้ร่างเหยื่อ
หนึ่งในคดีเด็กหายที่สะเทือนอารมณ์และยาวนานที่สุดของออสเตรเลียกำลังกลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง เมื่อชายต้องสงสัยซึ่งเป็น "เพื่อนบ้านใกล้ตัว" ได้เข้ามอบตัวหลังผ่านไปเกือบสองทศวรรษ แต่ศพของเด็กหญิงยังคงหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ย้อนกลับไปวันที่ 27 กรกฎาคม 1998 เด็กหญิงวัย 12 ปี ลูกหลานชาวเวียดนาม-จีน ที่อาศัยอยู่ในย่าน Granville ใกล้ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ได้หายตัวไปขณะเดินจากบ้านไปสถานีรถไฟ Clyde เพื่อไปเรียนที่โรงเรียนหญิงล้วน Strathfield
กล้องวงจรปิดบันทึกภาพเธอไว้เป็นครั้งสุดท้ายขณะเดินผ่านศูนย์ไปรษณีย์ ห่างจากบ้านเพียง 350 เมตร โดยในภาพปรากฏเงาของบุคคลลึกลับเดินเข้าใกล้ ขณะเดียวกัน พยานอีกคนเห็นเด็กหญิงขึ้นรถตู้สีขาวคันหนึ่ง ก่อนรถจะแล่นออกไป
แม้เหตุการณ์จะเกิดขึ้นในตอนเช้า แต่เพราะโรงเรียนไม่ได้แจ้งครอบครัวเรื่องการขาดเรียน จึงทำให้พ่อแม่ของเธอเริ่มรู้สึกผิดปกติเมื่อถึงเวลาเย็น และรีบแจ้งตำรวจในคืนนั้น
คดีนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ที่ได้รับความสนใจทั่วออสเตรเลีย ตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์ระดมกำลังค้นหาอย่างเต็มที่ ทั้งติดตั้งหุ่นจำลองสวมชุดนักเรียนไว้ที่สถานีรถไฟ และแจกใบปลิวทั่วเมือง มีการตั้งรางวัลนำจับจาก 100,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย เพิ่มเป็น 200,000 ดอลลาร์
ครอบครัวของเธอไม่เคยย้ายบ้าน แม้จะอยู่ท่ามกลางความเจ็บปวด โดยหวังว่าสักวันลูกสาวจะกลับมา พ่อของเธอเดินทางข้ามเมืองตามหาทุกเบาะแสด้วยความหวังว่าลูกอาจแค่ความจำเสื่อมแล้วหลงทาง
“ผมยังภาวนาให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น ลูกจะกลับมา เธอรู้ว่านี่คือบ้านของเธอ และพวกเรากำลังรออยู่” คุณพ่อกล่าวในปีหนึ่ง
คดีสะเทือนขวัญที่ไม่มีศพ คนร้ายโผล่มอบตัว แต่ความจริงยังพร่าเลือน
กระทั่งในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2016 "Vinzent Tarantino" ชายวัยกลางคนได้เดินเข้าไปที่สถานีตำรวจ Surry Hills พร้อมสารภาพว่าเขาคือคนที่ลักพาตัวและฆ่าเด็กหญิงเมื่อ 18 ปีก่อน สิ่งที่ช็อกยิ่งกว่าคือเขาเป็น“เพื่อนบ้าน” ที่อยู่ห่างจากบ้านของครอบครัวเด็กหญิงเพียง 700 เมตร และไม่เคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างจริงจังมาก่อน
อย่างไรก็ดี เจ้าตัวเล่าว่าเขาหลอกให้เด็กหญิงขึ้นรถตู้พากลับบ้าน และใช้มือบีบคอเธอจนเสียชีวิตเพราะเธอร้องตะโกนไม่หยุด ก่อนนำร่างใส่ถังขยะแล้วไปทิ้งในพื้นที่ห่างไกลใกล้ Bulli Tops เมือง Wollongong แม้จะยอมพาตำรวจไปยังจุดทิ้งศพ แต่เจ้าหน้าที่ไม่พบร่องรอยใดๆ ของร่าง ทำให้การตั้งข้อหา “ฆาตกรรม” เป็นเรื่องยากมาก
และในปี 2019 คณะลูกขุนของศาลสูงรัฐนิวเซาท์เวลส์มีมติ "ยกฟ้อง" เขาจากข้อหาฆาตกรรม เนื่องจากขาดหลักฐานยืนยันทางกายภาพ แม้เจ้าตัวจะยอมรับสารภาพอย่างชัดเจนก็ตาม คำตัดสินดังกล่าวสร้างความสะเทือนใจอย่างหนักแก่ครอบครัวของเด็กหญิง ที่รอคอยความยุติธรรมมานานเกือบสองทศวรรษ
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2021 ผู้พิพากษา Derek Lee ได้ลงความเห็นอย่างเป็นทางการว่า เด็กหญิงเสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรม และคดีนี้ได้ถูกส่งต่อให้ทีมสอบสวนคดีอาชญากรรมที่ยังไม่คลี่คลายเพื่อเดินหน้าหาความจริงและคืนความยุติธรรมให้กับครอบครัว
แม้เวลาจะผ่านไปนานเกือบ 3 ทศวรรษ แต่ครอบครัวยังคงรอคอย และสังคมออสเตรเลียยังไม่ลืม การหายตัวของเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งได้เปลี่ยนชีวิตผู้คนไปตลอดกาล และกลายเป็นอีกหนึ่งบทเรียนเรื่องความปลอดภัยของเด็ก และช่องโหว่ในกระบวนการยุติธรรม