บทเรียนจากสมรภูมิ! “ร.ต.ธนาวุธ” เผยความในใจจากแนวหน้า “ชีวิตทหารแลกได้ ขอแค่ไม่สูญเปล่า”
เมื่อวันที่ 27 ส.ค.กองบัญชาการกองทัพไทย Royal Thai Armed Forces Headquarters ได้โพสต์ข้อความระบุว่า
"สารจากนักรบ"
บทความนี้อาจจะยาวสักหน่อยนะครับ กระผม ร้อยตรี ธนาวุธ เวชสงเคราะห์
ผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 16 นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 61 และนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 72
สมัยผมเป็นนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ผมเคยได้รับฟังคำสอนมากมายสมัยเป็นนักเรียนแต่ตอนนั้นผมเองได้แค่ฟังแต่ก็ยังไม่เคยเข้าใจ จนวันนึงที่ผมต้องพาลูกน้องตบเท้าเข้าสนามรบทำให้ผมนั้นได้เข้าใจอะไรหลายอย่างอย่างลึกซึ้ง ผมได้เข้าใจความหมายของคำว่า "เสียสละ" ซึ่งมีค่ามากกว่าคำว่า "หน้าที่" เมื่อเราต้องไปเผชิญความเหนื่อยยากลำบากหรือภัยอันตราย ที่ทั้งรู้ว่าอาจจะเกิดการสูญเสียหรือทุพพลภาพ เราสามารถตัดสินใจได้ว่าเราจะไปหรือไม่ไป เราสามารถละทิ้งหน้าที่ได้ด้วยการหนีหรือถอยหลังกลับแต่เมื่อเราตัดสินใจที่จะไปนั่นคือ "เสียสละ"
คำว่า "กล้าหาญ" คือการตัดสินใจไม่ใช่ผลการปฏิบัติ เพราะเมื่อประเมินสถานการณ์แล้วรู้ว่าเรากำลังจะไปตายหรือสูญเสียแต่เราก็ยังคงจะไปไม่ว่าผลการปฏิบัติจะเป็นอย่างไร ตอนนั้นคุณคือคนที่กล้าหาญ
ความอุ่นใจเกิดขึ้นเมื่อในสนามรบไม่มีเราคนเดียวแต่มีกำลังพล นายสิบ น้องพลทหาร ที่อยู่เคียงข้างดังนั้นเราต้องรักเขาเหมือนที่เรารักชีวิตตัวเอง
เราเป็นผู้นำในตำแหน่งได้แต่ลูกน้องจะตามหรือไม่ตามเรานั้นมันอยู่ที่ "ความเชื่อมั่น" ดังนั้นความเป็นผู้นำมีความหมายและจิตวิญญาณที่ลึกซึ้ง เหมือนที่พี่บุ๊คบอก (ร้อยตรี เกียรติวงศ์ สถาวร) ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่จนได้สูญเสียขาจากการเหยียบกับระเบิดเพื่อเจาะทางในการยึดพื้นที่บริเวณปราสาทตาควาย" ถ้าเราไม่เข้าลูกน้องก็ไม่ตามถ้าลูกน้องไม่ตามภารกิจก็ไม่สำเร็จ "แต่ความจริงแล้วแม้เราจะเข้าแต่ลูกน้องก็เลือกได้ที่จะไม่ตามเราแต่ที่ลูกน้องเขาตามเราเพราะเขาเชื่อมั่นในตัวของผู้นำ"
เมื่อเราตัดสินใจตบเท้าออกจากบังเกอร์หรือที่มั่นหรือผ่านแนวลวดหนามฝ่ายเราออกไป เข้าในพื้นที่ของอริราชศัตรูเราได้ทำใจ และเตรียมตัวที่จะตายไปแล้ว 100% ถ้าพิการหรือรอดกลับมาคือ กำไรและความโชคดี
เหรียญเชิดชูเกียรติ และเหรียญกล้าหาญ จริง ๆ แล้วไม่ได้มีค่ากับคนที่เสียชีวิตไปแล้วเพราะเขาคงไม่รับรู้ แต่มีค่ากับคนที่สูญเสียอวัยวะร่างกาย และครอบครัวของผู้เสียชีวิตทุกครั้งที่เศร้าหรือเสียใจ อย่างน้อยเมื่อมองย้อนมามันคือเครื่องเตือนใจว่าการจากไปหรือความสูญนี้เพื่อประเทศชาติซึ่งเต็มไปด้วยความกล้าหาญ และเสียสละ ความทุกข์ความเศร้านั้นก็จะเบาบางลง (คนที่ออกไปรบจริง ๆ ผมเชื่อว่าจะคิดเหมือนผมทุกคนนะครับ ไม่อยากได้เงิน 10 ล้านหรือเหรียญกล้าหาญอะไรหรอกขอแค่เราไปทำภารกิจเพื่อประเทศชาติให้สำเร็จ และรอดปลอดภัยกลับมาหาครอบครัวมีค่ามากกว่า) เพราะผมรอดจากเหตุการณ์ปะทะที่ช่องอานม้าคืนวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ก่อนจะยุติการยิงเหมือนผมได้มีชีวิตใหม่ผมจึงมองว่าสิ่งอื่น ๆ เป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลย
วันที่ผมกับลูกน้องตัดสินใจจะปฏิบัติหน้าที่ร่วมกัน ผมไม่เคยคิดที่จะไปฆ่าหรือตัดหัวใครผมคิดแค่เพียงว่าผมมาทำหน้าที่ ทหารกัมพูชาบางคนเขาก็มีครอบครัวเขาก็ไม่ได้อยากให้เกิดสงครามแต่เขาก็ต้องทำตามคำสั่งผู้นำ และทำเพื่อประเทศชาติของเขา และทำตามสิ่งที่เขาเชื่อ
"ความสามัคคี" คือหัวใจสำคัญของ "ชัยชนะ" ในการรบปัจจุบันนั้นเราต้องปฏิบัติการทางการเมืองตั้งแต่ระดับรัฐบาล ทางการทหาร การข่าว หรือสิ่งต่าง ๆ ควบคู่กัน ความรักความสามัคคีจึงเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จ ดังนั้นเราต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน การปฏิบัติที่สอดคล้องกัน และไปในทิศทางเดียวกันนั่นคือ "ความสามัคคี"
ผมขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่เป็นแนวหลังที่ส่งกำลังใจให้ทหารไทยพร้อมทั้งช่วยเหลือหรือสนับสนุนทุกสิ่งทุกอย่างในการปฏิบัติหน้าที่ มันคือความสามัคคีและเสียสละที่มีค่ามากกว่าสิ่งใด
การรบย่อมมีการสูญเสียไม่ว่าจะมากหรือน้อยเป็นสิ่งที่ทหารทุกคนรับรู้และเข้าใจแต่ขอให้การสูญเสียนั้นไม่สูญเปล่า ไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ส่วนตนของผู้หนึ่งผู้ใด เป็นการสูญเสียเพื่อประเทศชาติและอธิปไตยย่อมเป็นการสูญเสียที่มีคุณค่า สมเกียรติและภาคภูมิใจอย่างสูงสุดของทหาร
“เมื่ออยู่ในสนามรบ ไม่ว่าจะยศอะไร ก็หนึ่งชีวิตเท่ากัน” ทุกชีวิตนั้นมีคุณค่าเพราะทุกคนมีเลือดเนื้อ มีร่างกายและจิตใจและคนที่รักรออยู่ พลทหาร นายสิบ นายร้อย เราฝากชีวิตไว้ด้วยกัน ในการสู้รบเราหวังให้ประเทศชาติสงบสุข รักษาไว้ซึ่งอธิปไตยได้แผ่นดินที่เคยเป็นของเรานั้นคืนมาปราศจากการรุกราน ดูถูกเอาเปรียบหรือกลั่นแกล้งคนไทย "แผ่นดิน" คือบ้านหลังใหญ่ที่มีคนไทยอาศัยอยู่ เรามีเกียรติ เรามีศักดิ์ศรี และเราจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกรังแกหรือเหยียดหยาม คำว่า "เอกราช" คือความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน ดั้งนั้นการที่ทหารได้ตบเท้าเข้าสนามรบคือเกียรติอย่างสูงสุด
ผมตัดสินใจให้ทุกอย่างกับ ประเทศชาติ และอาชีพที่ผมรักแม้กระทั่งชีวิต ผมให้อะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ผมเสียใจที่ผมพาลูกน้องเข้าไป กลับเป็นผมเองที่รอดกลับมา ผมเสียใจ และร้องไห้ทุกครั้งที่นึกถึงรอยยิ้ม คำพูด ความรักของลูกน้องที่มีต่อผม ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกเหตุการณ์ ทุกความทรงจำ ทุกความรู้สึก ผมจะจดจำมันไปตลอดชีวิตรับราชการ ผมหวังว่าบทความนี้จะแทนคำขอบคุณและมีประโยชน์ต่อผู้ที่อ่าน และเป็นการสดุดีแก่ผู้ที่เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ทุกคน ขอบพระคุณครับ
#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด