ประวัติ "บาส" สราวุท ผลาพฤกษ์ นักฟุตซอลทีมชาติไทย
ในช่วงเวลาที่วงการฟุตซอลไทยเริ่มผลัดใบ มีนักเตะสายเลือดใหม่ขึ้นมาทดแทนรุ่นพี่คนแล้วคนเล่า หลายคนก็สามารถคว้าโอกาสและต่อยอดในระยะยาว สร้างชื่อจนเป็นที่รู้จักของแฟนๆลูกหนังไทย
แน่นอนว่าในช่วงเวลาปัจจุบัน วงการโต๊ะเล็กไทยเรามีดาวเด่นอย่าง มูฮัมหมัด อุสมานมูซา ที่ออกไปสร้างชื่อเสียงในเวทียุโรป จนได้รับการขนานนามจากวงการฟุตซอลไทยว่านี่คือพ่อมดฟุตซอลรุ่นที่3 ต่อจาก อนุชา มั่นเจริญ และ ศุภวุฒิ เถื่อนกลาง
ฟุตซอลทีมชาติไทย ปัจจุบันมีตัวเลือกและความหลากหลายมากขึ้นจากเดิม ซึ่งเป็นผลมาจากการจัดการแข่งขันระบบลีกในบ้านเราที่มีรูปแบบและยกระดับความเป็นมืออาชีพมากขึ้น แต่ละสโมสรเอาจริงเอาจังในการพัฒนาทีมสู่ความเป็นเลิศ ย่อมทำให้ทีมชาติไทยได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม
จึงไม่แปลกใจอะไรที่ในยามประกาศชื่อนักฟุตซอลทีมชาติไทยแต่ละครั้ง เรามักจะได้เห็นเด็กหน้าใหม่ที่ได้รับโอกาสอยู่เรื่อยๆ เหมือนอย่างที่ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน เคยเกิดขึ้นกับ "บาส" สราวุท ผลาพฤกษ์ ก่อนที่เจ้าตัวจะคว้าโอกาสนั้นเอาไว้และต่อยอดจนกลายเป็นกำลังสำคัญของทีมชาติไทย
เราขอพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับหนุ่มจากอุบลราชธานี คนนี้กันให้มากขึ้น ว่ากว่าที่จะก้าวมาเป็นนักฟุตซอลทีมชาติไทย เขาจะต้องผ่านอะไรมาบ้าง…
- ประวัติ "บาส" สราวุท ผลาพฤกษ์
"บาส" สราวุท ผลาพฤกษ์ เกิดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2540 ที่จังหวัดอุบลราชธานี ชีวิตในวัยเด็กไม่ได้มีอะไรหวือหวา สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกสนุกตื่นเต้นทุกครั้ง คือการได้ลงแข่งขันฟุตบอล โดยที่เวลานั้นก็ไม่ได้คาดคิดว่าการเล่นฟุตบอลของเขาจะเป็นสิ่งนำพาชีวิตไปสู่ความสำเร็จ
จนกระทั้งในช่วงมัธยมปลาย เขาได้โอกาสเข้าเรียนที่ราชวินิตบางเขน ในฐานะนักฟุตซอลของโรงเรียน ช่วงเป็นช่วงเวลาเดียวกับการมาของ มูฮัมหมัด อุสมานมูซา, เชาว์วาลา ศรีอาวุธ และ ธีระภัทร เหมือนศรี (3 เพื่อนร่วมรุ่นที่ติดทีมชาติไทยเช่นเดียวกัน) ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวเล่นในตำแหน่งหน้าเป้า
- สราวุท ผลาพฤกษ์ เซ็นสัญญาอาชีพครั้งแรก
ทีม "สิงห์ร้ายบางเขน" เดินหน้ากวาดความสำเร็จในการแข่งขันฟุตซอลอย่างโชกโชน และจุดเปลี่ยนสำคัญก็เกิดขึ้นในช่วงของการคว้าดาวซัลโว ของศึก กทม.ลีก ในนามเขตบางพลัด ทำให้ประธานสโมสรแบงค็อก บีทีเอส ที่ไปชมเกมข้างสนามได้เห็นถึงความสามารถของเด็กกลุ่มนี้ ก่อนจะจัดการมอบโอกาสเซ็นสัญญาครั้งแรกในชีวิตให้กับ สราวุท ผลาพฤกษ์ ซึ่งแน่นอนว่ารวมไปถึง มูฮัมหมัด อุสมานมูซา
ด้วยอายุที่ยังน้อย ทำให้เขาไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งกับรุ่นพี่ในทีมได้ สุดท้าย สราวุท ก็ย้ายไปหาโอกาสลงเล่นกับทีมกรมทางหลวง ที่กำลังสร้างทีมฟุตซอลในเวลานั้น และก็สามารถฉายฟอร์มเก่งของตัวเองออกมา จนมีชื่อติดทีมชาติไทย ไปลุยศึก U20 ชิงแชมป์เอเชีย ภายใต้การคุมทัพของ มิเกล โรดริโก้ (ที่ปัจจุบันคุมทีมชาติไทย ชุดใหญ่)
- สราวุท ผลาพฤกษ์ คว้าแชมป์ฟุตซอลลีกกับ บลูเวฟ ชลบุรี
ฝีเท้าของเขาพัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด สุดท้ายก็ได้เซ็นสัญญากับทีมยักษ์ใหญ่ของวงการฟุตซอลไทยอย่าง สโมสรบลูเวฟ ชลบุรี ก่อนจะประสบความสำเร็จด้วยการพาทีมคว้าแชมป์ฟุตซอลไทยลีก รวมถึงแชมป์ฟุตซอลสโมสรอาเซียน
- สราวุท ผลาพฤกษ์ ย้ายมาไล่ล่าความสำเร็จกับ ห้องเย็นท่าข้าม
เข้าสู่ปี 2024 สราวุท ผลาพฤกษ์ ย้ายมาร่วมทีม ห้องเย็นท่าข้าม ที่เพิ่งจะได้แชมป์ฟุตซอลไทยลีก ฤดูกาล 2023 ซึ่งเจ้าตัวให้เหตุผลสำคัญถึงการตัดสินใจครั้งนั้นเพราะต้องการมาอยู่กับ ธิอาโก้ นูเนส กุนซือมากฝีมือชาวบราซิล เพื่อพัฒนาฝีเท้าของตัวเองให้ดีขึ้น และสโมสรก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
และการตัดสินใจครั้งนั้นก็ถือเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง เพราะเขาได้โอกาสยกระดับการเล่นของตัวเอง เพิ่มจุดแข็ง ลบจุดบกพร่อง ได้ลองเล่นในหลากหลายตำแหน่ง จนค้นพบว่าตัวเองก็ทำได้ดีในพื่นที่อื่นๆไม่แพ้การเล่นหน้าเป้า
ด้วยรูปร่างสรีระที่สูงใหญ่ทำให้มีความแข็งแกร่ง แต่ที่ต่างจากปกติคือดันมีความคล่องตัวและความเร็วอีกด้วย จัดว่าครบเครื่องในคนเดียว เราจึงมักจะเห็นเขาเล่นได้หลากหลายนอกจากหน้าเป้าแล้วก็เล่นได้หมดทั้งริมเส้นและตัวรับ จนกลายเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์ของทีม เขามีส่วนมาเติมเต็มและช่วยให้ทีมป้องกันแชมป์ฟุตซอลลีกเอาไว้ได้ในฤดูกาล 2024
เข้าสู่ฤดูกาล 2025 สโมสรห้องเย็นท่าข้าม ยังออกสตาร์ทได้อย่างร้อนแรง ทำผลงานยอดเยี่ยมตลอดเลกแรก จบครึ่งฤดูกาลด้วยการรั้งจ่าฝูงกับผลงานที่ยังไม่แพ้ใคร จนกระทั่งในเกมนัดเปิดเลก2 พวกเขาพลาดเก็บชัยชนะ หลังบุกไปโดน เกษมบัณฑิต เอฟซี ไล่ตีเสมอ 3-3 ในช่วงไม่กี่วินาทีสุดท้าย ส่งผลให้โดนคู่แข่งสำคัญอย่าง การท่าเรือ เอเอสเอ็ม แซงขึ้นไปรั้งจ่าฝูง ด้วยช่องว่าง 1 คะแนน
แม้ความแข็งแกร่งในเกมโดยรวมของ ห้องเย็นท่าข้าม จะไม่ส่งผล แต่หากดูรายละเอียดกับการขาดหายไปของ สราวุท ผลาพฤกษ์ ในนัดเปิดเลก2 จากการที่เจ้าตัวเข้ารับการผ่าตัดกระดูกนิ้วมือขวาหักตอนที่รับใช้ทีมชาติไทยในศึก Continental Futsal Championship 2025 ไปเมื่อตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม ยิ่งชัดเจนว่าเขาคือคนสำคัญที่ขาดหายไป
เชื่อเหลือเกินว่าแฟนๆของสโมสรห้องเย็นท่าข้าม คงตั้งความหวังว่าเจ้าตัวจะกลับมาฟิตสมบูรณ์ทันเวลาในเกมนัดที่ 15 เพื่อที่จะทำให้ทีมกลับมามีสมดุลอีกครั้ง เพราะการขาดคนที่ไว้ใจได้คอยบัญชาเกมจากด้านหลัง แฟนบอลอาจจะมองว่าไม่ได้มีผลอะไรมากมายขนาดนั้น เพราะทีมก็ยังเต็มไปด้วยแข้งฝีเท้าดีมากมายก็น่าจะเอาอยู่
แต่ในมุมของโค้ชและนักเตะที่อยู่ในสนามต่างรู้ดีว่ามันส่งผลกระทบขนาดไหน เพราะฝีเท้าดีไม่ได้หมายความว่าการอ่านเกมและความเข้าใจเกมจะดีไปด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่เราอาจจะมองนักเตะบางคนไม่หวือหวาอะไรมาก แต่กลับเป็นคนสำคัญของทีมที่จะขาดไปไม่ได้
อ่านเรื่องราวอื่นๆที่น่าสนใจ
ประวัติ มูฮัมหมัด อุสมานมูซา พ่อมดฟุตซอลไทย รุ่นที่3
ประวัติ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ กองหน้าขวัญใจ อินเตอร์ มิลาน
ประวัติ "แม็กซ์ เวอร์สเตปเปน" แชมป์โลกF1 4สมัยซ้อนที่กำลังโดนท้าทาย!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ถ่ายทอดสด! วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย U21 ชิงแชมป์โลก ประจำวันที่ 15 สิงหาคม 2568
- ทีมวอลเลย์บอลหญิงไทย รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี พ่าย จีน ร่วงไปเล่นจัดอันดับ!
- ประวัติ "เคนทาโร่ ซากางุจิ" (Kentaro Sakaguchi) พระเอก MV "Dream" เพลงใหม่ของ LISA
- ถ่ายทอดสด! วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย U21 ชิงแชมป์โลก ประจำวันที่ 13 สิงหาคม 2568
- ถ่ายทอดสด! วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย U21 ชิงแชมป์โลก ประจำวันที่ 12 สิงหาคม 2568