พลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล โต้กัมพูชากล่าวหาใช้อาวุธเคมีเป็น "ข่าวปลอม"
พลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล สวมเครื่องแบบ ทม.รอ. แถลงข่าว ทบ. โต้ปม กัมพูชา กล่าวหากองทัพไทยใช้อาวุธเคมี ยืนยันว่าเป็นข่าวปลอม กองทัพไทยไม่เคยใช้อาวุธเคมี
ความเคลื่อนไหวสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่สำนักงานเลขานุการกองทัพบก พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้มีการออกมาแถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนระหว่างประเทศไทยและทางกัมพูชา 2 ประเด็นหลัก คือ การที่ประเทศไทยถูกคุกคามด้วยอาวุธ และข่าวปลอมที่อ้างว่าประเทศไทยมีการใช้อาวุธเคมี
โดยโฆษกกองทัพบกได้เปิดเผยว่า การที่ประเทศไทยถูกคุกคามด้วยอาวุธ แม้จะไม่ใช่การยิงต่อสู้กันเหมือนกับเหตุการณ์ปะทะในวันที่ 24-28 กรกฎาคม แต่เป็นการถูกคุกคามด้วยการวางทุ่นระเบิด PMN-2 ในพื้นที่ชายแดน ซึ่งทางกัมพูชาได้มีการออกมาปฏิเสธว่าหลักฐานของประเทศไทยที่บอกว่าทุ่นระเบิดเป็นของกัมพูชามาวางเอาไว้ไม่น่าเชื่อถือ พร้อมอ้างว่าประเทศไทยเป็นการสร้างภาพเอง สิ่งเหล่านั้นเป็นการปฏิเสธที่ขาดเหตุผล และถือว่าไม่มีน้ำหนัก ทางกองทัพมีข้อสังเกตที่น่าสนใจจำนวน 6 ข้อเพื่อให้พิจารณา
อย่างแรกทางกัมพูชาอ้างว่าทุ่นระเบิดเป็นของประเทศไทยที่ตกค้างจากสงครามในอดีต ซึ่งในข้อเท็จจริงทางทุ่นระเบิดของกองทัพไทยได้ทำการกู้ไว้หมดแล้ว แม้ในอดีตที่ผ่านมา ก่อนจะเข้าลงนามกับอนุสัญญาออตตาวา ไทยจะมีทุ่นระเบิดกว่า 1,300 ลูก แต่ยืนยันว่าไม่เคยมี PMN-2 ที่สำคัญทั้งหมดได้ถูกทำลายไปเรียบร้อยแล้ว และทางการไทยก็ได้ส่งรายงานไปที่องค์กรสหประชาชาติเป็นที่เรียบร้อยด้วยเช่นเดียวกัน
อย่างที่ 2 หลักฐานยุทธวิธี หลังจากที่เกิดการปะทะกันแล้วทหารไทยสามารถเข้ายึดพื้นที่ของทหารกัมพูชาเอาไว้ได้ จากนั้นก็การตรวจสอบบริเวณหน้าคูเลท ก็พบว่ามีการวางทุ่นระเบิด PMN-2 เอาไว้ด้วย
อย่างที่ 3 หลักฐานตามหลักการธรรมชาติ โดยในแนวชายแดนเพียงแค่ประเทศไทยและกัมพูชา การวางระเบิดถ้าไม่ใช่ไทยก็ต้องเป็นกัมพูชา ดังนั้นจะมาบอกว่าเป็นทางประเทศไทยสร้างสถานการณ์เองยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย เพราะไม่มีใครตั้งใจที่จะทำให้มีการบาดเจ็บ สูญเสียกับกำลังพลของตัวเอง
หลักฐานที่ 4 จะเห็นในโซเชียลก็ภาพหลุดจากอินฟลูเอนเซอร์ของกัมพูชา ที่ได้มีการไปทำคอนเทนต์ถ่ายคลิปที่ปราสาทตาเมือนธม และในภาพจะเห็นทุ่นระเบิด PMN-2 อยู่ในเฟรมภาพด้วย ซึ่งชัดเจนว่าเป็นการกระทำโดยฝั่งกัมพูชา
หลักฐานที่ 5 จะเห็นว่าการเข้าตรวจพื้นที่หลังจากสามารถเข้าควบคุมพื้นที่เอาไว้ได้ ก็จะพบว่ามีระเบิด PMN-2 อย่างที่ทหารไทยพบเห็นบนภูมะเขือ นั่นก็เท่ากับว่าจะพบในทุกพื้นที่ที่ทางกัมพูชาได้วางกำลังอยู่ / และหลักฐานที่ 6 ภาพคลิปที่ได้มาจากทางลับที่มีการเผยแพร่ไป พร้อมกับการสนทนาภาษากัมพูชา ที่มีการเก็บทุ่นระเบิดแล้วนำไปวางในที่แห่งใหม่
ส่วนประเด็นข่าวปลอมอย่างเรื่องข้อกล่าวหาที่ทางฝั่งกัมพูชาพยายามที่จะเอาเรื่องนี้ไปแอบอ้างในต่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องของการกล่าวหาว่าฝ่ายไทยยังมีการใช้อาวุธเคมี เรื่องนี้ทางพลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล ที่ปรึกษากรมยุทธศาสตร์ทหารบก ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธเคมี และเคยมีประสบการณ์เป็นผู้ตรวจอาวุธเคมีที่ประเทศอิรัก ได้เปิดเผยว่า อาวุธเคมีเป็นหนึ่งในอาวุธที่มีการทำลายล้างสูง อาวุธเหล่านี้มีกฎหมายระหว่างประเทศควบคุมอยู่ สำหรับอาวุธเคมีมีอนุสัญญาควบคุมเอาไว้ ซึ่งทั้งไทยและกัมพูชา ก็เป็นภาคีอยู่ในอนุสัญญา เท่ากับว่าอนุสัญญาควบคุมไว้แล้วว่าห้ามเก็บ ผลิต และใช้อาวุธเคมีเหล่านี้ นั่นเท่ากับอาวุธเคมีในประเทศไทยไม่มีอย่างแน่นอน เพราะได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบของอนุสัญญาอย่างเคร่งครัด
ดังนั้นการกล่าวหาของกัมพูชาที่อ้างว่าโจมตีด้วยอาวุธเคมีพร้อมภาพประกอบว่ามีการโปรยของเหลวสีแดงลงมาใส่ ซึ่งภายหลังก็มีการถูกแฉว่าเป็นภาพที่เอามาจากต่างประเทศ เป็นการดับไฟที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ตอนแรกเข้าใจว่าเรื่องก็น่าจะจบไป แต่เรื่องพวกนี้ก็ยังคงวนเวียนจนถึงทุกวันนี้ และวันสองวันที่ผ่านมานี้จะเห็นทหารกัมพูชาใส่หน้ากากอนามัยออกถ่ายรูป ออกมาถ่ายคอนเทนต์ อ้างว่ายังมีความกลัวเรื่องของอาวุธเคมี ลักษณะเป็นการสร้างเรื่องว่ายังกลัวเรื่องที่ประเทศไทยใช้อาวุธเคมี
ซึ่งในข้อเท็จจริงตามหลักกระบวนการองค์การอาวุธเคมี เมื่ออ้างว่าประเทศตัวเองถูกโจมตีด้วยอาวุธเคมี ทางกัมพูชาจะต้องมีการร้องเรียนไปที่องค์การห้ามอาวุธเคมี ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นช่องทางที่ถูกต้อง แล้วทางกัมพูชาจะต้องมีการหาหลักฐานมาประกอบ จะต้องมีภาพ มีคลิป มีทหารที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และหลักฐานทางการแพทย์ว่ามีการถูกทำลายโดยอาวุธเคมี เพื่อเป็นการพิสูจน์ยืนยัน รวมถึงต้องมีการตรวจดิน ใบไม้ และสภาพแวดล้อมว่าอาวุธเคมีมาโจมตีจริง ซึ่งทั้งหมดคือหลักฐานที่ต้องส่ง แต่นี่ทางกัมพูชาไม่มีหลักฐานอะไรที่เป็นทางการเลย ได้แต่กล่าวหาลอยๆ สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนประเทศตัวเอง หากมีหลักฐานแล้วส่งไปองค์กรอาวุธเคมี ทางองค์กรจะมีการส่งหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : พลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล โต้กัมพูชากล่าวหาใช้อาวุธเคมีเป็น "ข่าวปลอม"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “ภูมิธรรม” ชี้เรื่องล้อมรั้วชายแดนต้องรอการเจรจา เปิด-ปิดด่าน รอวง GBC
- “สิบเอกสุทธิชัย” นักรบตาควาย ผ่าตัดตารอบ 4 หมอนำสะเก็ดที่ลึกที่สุดออกมาได้ด้วยดี
- พลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล โต้กัมพูชากล่าวหาใช้อาวุธเคมีเป็น "ข่าวปลอม"
- พปชร. ถามรัฐบาลทำอะไรเร่งด่วนบ้าง ชายแดนปะทะมา 20 วัน ยังไม่ออกหมายจับ “ฮุนเซน”
- ทบ. เผยยอดจับกุม "ชาวกัมพูชา" ลักลอบเข้าไทย ตั้งแต่เกิดเหตุปะทะมีมากกว่า 150 คน
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : www.thairath.co.th
- LINE Official : Thairath