กองปราบฯ ยอมรับยิ่งสอบยิ่งพบความผิดปกติเงินบริจาควัดพระบาทน้ำพุ
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 19 สิงหาคม 2568 เวลา 18.17 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทบช.ก. 19 ส.ค. – กองปราบฯ เดินหน้าตรวจสอบวัดพระบาทน้ำพุ ยอมรับยิ่งสอบ ยิ่งเจอความผิดปกติของเงินบริจาค ส่วนคดีหมอบี ได้บัญชีธนาคารมาแล้ว รอเจ้าตัวชี้แจงเส้นเงิน
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการสืบสวนสอบสวนคดี “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” กับวัดพระบาทน้ำพุ ว่า ขณะนี้ทางตำรวจได้ Statement จากบัญชีที่หมอบีเปิดบริจาคให้กับวัดพระบาทน้ำพุจากธนาคารแล้ว โดยเป็นข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2562 แต่ขอเวลาทำงานเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบ เนื่องจากมีรายละเอียดจำนวนมาก และประเด็นนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ที่กระทบความรู้สึกของประชาชนที่ร่วมบริจาคเงิน จึงคาดว่าน่าจะใช้ระยะเวลาอีกไม่นานในการตรวจสอบและจะสามารถตอบคำถามพี่น้องประชาชนได้
ส่วนความร่วมมือจากทางวัดพระบาทน้ำพุนั้น พ.ต.อ.เอนก ยอมรับว่าค่อนข้างน้อย โดยเฉพาะเรื่องรายละเอียดทางบัญชีที่ทางวัดรับปากจะส่งมอบให้ ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับ แต่ทางตำรวจได้ข้อมูลด้านอื่นมาประกอบ โดยกรณีนี้เข้าใจได้ว่า เป็นสิทธิ์ของทางวัดที่จะไม่ให้ข้อมูล ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะกองปราบมีช่องทางอื่นในการตรวจสอบข้อมูลอยู่แล้ว
พ.ต.อ.เอนก กล่าวต่อไปว่า ตอนแรกที่มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาที่ศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนานั้น ประเด็นหลักคือ พฤติการณ์ของหมอบีเข้าข่ายยักยอกเงินบริจาคให้วัดหรือไม่ ซึ่งในตอนนั้นมองว่า “วัดเป็นผู้ถูกกระทำ” แต่จากการตรวจสอบข้อมูลในภายหลัง พบว่ารูปการอาจเป็นไปในอีกทางหนึ่ง ซึ่งขอสงวนรายละเอียดไว้ก่อน
ทั้งนี้ ยังยืนยัน งานของกองปราบปรามจะมุ่งเน้นไปที่การสอบสวนตรวจสอบเงินบริจาคที่ผ่านบัญชีของหมอบีไปยังวัดพระบาทน้ำพุ ส่วนการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของหลวงพ่ออลงกต รวมทั้งประเด็นทรัพย์สินของวัดและการตรวจสอบประเด็นด้านสาธารณสุขเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วย HIV นั้น ทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางอยู่ในระหว่างการบูรณาการข้อมูลร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อตรวจสอบประเด็นดังกล่าว
พ.ต.อ.เอนก ยังยืนยันอีกว่า การสอบสวนคดีนี้จะไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้คดีต้องสะดุด หรือช้าลงอย่างแน่นอน ประชาชนสามารถมั่นใจได้ว่า กองปราบปรามจะดำเนินการไปตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานอย่างถูกต้องและตรงไปตรงมา ไม่มีมีอิทธิพลใด ๆ หรือการเมืองมาหยุดยั้ง หรือกดดันการสอบสวนได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ มีข้อมูลจากแหล่งข่าวระดับสูงของกองบังคับการปราบปราม ระบุว่า การสอบสวนในคดีนี้ นอกจากจะต้องดูพฤติการณ์ของหมอบีแล้ว ยังต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่า หลวงพ่ออลงกตนั้นเป็นผู้เสียหายที่แท้จริง หรือมีส่วนรู้เห็นในพฤติการณ์ทั้งหมด แม้ยังไม่สามารถชี้ชัดได้ในเวลานี้ แต่หากวัดเสียหายจริง ต้องบอกให้ได้ว่าได้รับเงินบริจาคมาเท่าไหร่ เพื่อความน่าเชื่อถือของวัดและมีคำตอบให้แก่สาธารณชน
ส่วนกรณีการถือครองทรัพย์สินแทนวัดนั้น โดยหลักการแล้วจะต้องมุ่งดูที่เจตนาเป็นหลัก ซึ่งตามหลักทั่วไป หากใช้เงินของวัดไปซื้อทรัพย์สิน และระบุชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์เป็นของวัด ก็จะไม่มีปัญหาอะไร แต่หากใช้ชื่อของบุคคลอื่นเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ กรณีนี้ก็ต้องดูเจตนาว่าถูกกฎหมายหรือไม่ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีเจตนาที่ทุจริต ต่อให้โอนคืนในภายหลังก็ถือว่า ความผิดสำเร็จแล้ว ครั้งนี้ต้องมุ่งเน้นการดูเจตนาของผู้ถือครองชื่อเป็นหลัก.-415- สำนักข่าวไทย