โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

สรุปข่าวต่างประเทศ ประจำวันพุธที่ 3 กันยายน 2568

efinanceThai

เผยแพร่ 1 วันที่แล้ว

สรุปข่าวต่างประเทศ ประจำวันพุธที่ 3 กันยายน 2568

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -3 ก.ย. 68 8:46: น.

*** สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส (WTI) ปิดที่ 65.59 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.58 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 2.47%

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ ปิดที่ 69.14 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 99 เซนต์ หรือ 1.45%

ราคาน้ำมันดิบโลก ปิดเพิ่มขึ้นกว่า 1% ต่อบาร์เรลในวันอังคาร หลังรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศมาตรการคว่ำบาตรที่มุ่งเป้าจำกัดรายได้จากการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน และก่อนการประชุม OPEC+ ในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะยังคงมาตรการปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจ

*** การเติบโตของการจ้างงานในสหรัฐฯ ตลอดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา อยู่ในระดับอ่อนแอที่สุดช่วงหนึ่ง (ไม่นับช่วงโควิด-19) นับตั้งแต่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวอย่างช้า ๆ จากวิกฤตการเงินและภาวะถดถอยปี 2007-2009 อย่างไรก็ตาม อัตราการว่างงานยังทรงตัวที่ 4.2% เท่ากับปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ใกล้ระดับที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประเมินว่าเป็นภาวะการจ้างงานเต็มศักยภาพ ขณะที่การเติบโตของค่าจ้างเฉลี่ยราว 4% ต่อปี ช่วยให้แรงงานรักษากำลังซื้อเหนือระดับเงินเฟ้อ แต่ยังไม่สูงพอที่จะสร้างแรงกดดันต่อเงินเฟ้อเพิ่มเติม

ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดซึ่งกำลังชั่งใจว่า จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ต้องพิจารณาว่าข้อเท็จจริงใด สะท้อนภาพตลาดแรงงานในอนาคตได้ชัดเจนที่สุด โดยรายงานการจ้างงานวันศุกร์นี้จะบอกได้ว่า ตลาดแรงงานสหรัฐฯ จะเติบโตซบเซาเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันในเดือนส.ค. หรือจะฟื้นตัว ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง

*** ลิซ่า คุก (Lisa Cook) ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยื่นคำชี้แจงต่อศาลแขวงสหรัฐฯ เพื่อคัดค้านความพยายามของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการปลดเธอออกจากตำแหน่ง โดยระบุว่า การดำเนินการดังกล่าวเกิดขึ้น ช้าเกินไป เนื่องจากข้อมูลด้านสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เธอเปิดเผยนั้นถูกแจ้งต่อทำเนียบขาวและวุฒิสภาไปแล้วตั้งแต่ขั้นตอนการพิจารณารับรองในปี 2022 โดยคุกยืนยันว่า เธอได้ระบุสินเชื่อที่อยู่อาศัยสำหรับทรัพย์สินทั้ง 3 แห่งในแบบฟอร์มที่ส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และหากมีความไม่สอดคล้องกัน ข้อมูลนั้นก็เป็นที่รับรู้ตั้งแต่ก่อนการรับรองตำแหน่ง ไม่อาจนำมาใช้เป็นเหตุผลให้ทรัมป์ปลดเธอในตอนนี้ได้

*** รัฐบาลสหรัฐฯ สั่งเพิกถอนสิทธิอนุญาตของ Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. (TSMC) ที่ให้สามารถจัดส่งอุปกรณ์สำคัญไปยังฐานการผลิตหลักในจีนได้อย่างเสรี ซึ่งอาจจำกัดขีดความสามารถในการผลิตของโรงงานชิปรุ่นเก่าที่หนานจิง โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เพิ่งแจ้ง TSMC ถึงการยกเลิกสถานะใบอนุญาตที่เรียกว่า Validated End User (VEU) สำหรับโรงงานหนานจิง โดยการดำเนินการนี้สะท้อนมาตรการที่สหรัฐฯ เคยใช้กับโรงงานในจีนของ Samsung Electronics และ SK Hynix โดยสิทธิผ่อนผันที่เหลืออยู่จะสิ้นสุดลงในอีกประมาณ 4 เดือนข้างหน้า

*** ภาคการผลิตของสหรัฐฯ หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ในเดือนส.ค. ท่ามกลางผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของรัฐบาลทรัมป์ โดยผู้ผลิตบางรายระบุว่า สภาพธุรกิจปัจจุบัน แย่ยิ่งกว่าวิกฤตการเงินโลก

ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของ ISM ปรับขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 48.7 ในเดือนส.ค. จาก 48.0 ในเดือนก.ค. แต่ยังต่ำกว่า 50 ซึ่งสะท้อนถึงการหดตัวของกิจกรรมการผลิต โดยภาคการผลิตคิดเป็น 10.2% ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) เผยว่า ผู้ผลิตบางรายประสบปัญหาการผลิตสินค้าในประเทศ เนื่องจากต้นทุนจากภาษีนำเข้าที่เพิ่มสูงขึ้น โดยทรัมป์ยังคงปกป้องนโยบายการค้าตามแนวทางนโยบายคุ้มครองทางการค้า (Protectionist policy) โดยชี้ว่าจำเป็นต้องทำเพื่อฟื้นฟูฐานการผลิตของสหรัฐฯ ที่เสื่อมถอยมานาน แม้จะส่งผลให้อัตราภาษีเฉลี่ยของประเทศพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบศตวรรษ

*** อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซน ขยับขึ้นเล็กน้อยในเดือนส.ค. โดยยังคงอยู่ใกล้เป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งน่าจะช่วยหนุนกระแสคาดการณ์ของตลาดว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะยังไม่เปลี่ยนแปลงในระยะสั้น แม้ว่าการถกเถียงเรื่องการปรับลดดอกเบี้ยอาจยังดำเนินต่อไป

ข้อมูลจาก Eurostat ระบุว่า เงินเฟ้อใน 20 ประเทศที่ใช้เงินยูโร ปรับขึ้นเป็น 2.1% ในเดือนส.ค. จาก 2.0% ในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลของรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ที่ 2.0% เล็กน้อย โดยปัจจัยหนุนมาจากราคาสินค้าเกษตรที่ปรับสูงขึ้น และแรงกดดันจากต้นทุนพลังงานที่ลดลงน้อยลง ในขณะเดียวกัน ดัชนีราคาพื้นฐาน (core inflation) ที่ไม่รวมอาหารสดและพลังงาน ซึ่งเป็นตัวเลขที่นักวิเคราะห์ติดตามใกล้ชิด ยังคงทรงตัวที่ 2.3% สูงกว่าที่คาดว่าจะลดลงสู่ 2.2% แม้ว่าค่าใช้จ่ายด้านบริการ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญ ยังคงชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 3.1% จาก 3.2%

*** ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เปิดทำเนียบประชุมผู้นำรัสเซียและเกาหลีเหนือที่กรุงปักกิ่งเป็นครั้งแรก เพื่อแสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวร่วมกับประเทศที่ถูกชาติตะวันตกกีดกัน โดยสี จิ้นผิง ให้การต้อนรับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ที่มหาศาลาประชาชน ก่อนเชิญต่อไปยังที่พักส่วนตัว โดยเรียกปูตินว่าเป็น สหายเก่า และในอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมา พบเห็นขบวนรถไฟหุ้มเกราะของคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือที่กำลังเดินทางไปยังกรุงปักกิ่ง พร้อมบุตรสาว คิม จูเอ ที่ร่วมเดินทางด้วย

คิม จูเอ ซึ่งหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้ประเมินว่า อาจเป็นทายาทสืบตำแหน่งผู้นำมากที่สุด กำลังเปิดตัวบนเวทีระหว่างประเทศเป็นครั้งแรก หลังจากก่อนหน้านี้มักปรากฏตัวเคียงข้างบิดาในงานสำคัญภายในประเทศ ทั้งสี จิ้นผิง ปูติน และคิม จองอึน เตรียมขึ้นเวทีร่วมในพิธีสวนสนามทางทหารครั้งใหญ่ในวันพุธ ซึ่งสี จิ้นผิง ตั้งใจใช้เป็นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ต่อระเบียบโลกใหม่ ในขณะที่นโยบาย อเมริกาต้องมาก่อน ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังกระทบความสัมพันธ์ของพันธมิตรตะวันตก

*** บริษัท Gazprom PJSC ของรัสเซีย เปิดเผยว่าได้ลงนามข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมายเพื่อสร้างท่อก๊าซ Power of Siberia 2 ซึ่งจะส่งก๊าซจากรัสเซียไปยังจีนผ่านมองโกเลีย พร้อมทั้งขยายเส้นทางการส่งก๊าซอื่น ๆ โดยรัฐบาลรัสเซียมองว่าการลงนามครั้งนี้เป็นชัยชนะทางการเมืองครั้งใหญ่

อเล็กเซย์ มิลเลอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Gazprom ให้สัมภาษณ์ว่า บริษัทสามารถส่งก๊าซได้สูงสุดถึง 50,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เป็นเวลา 30 ปีผ่านโครงการ Power of Siberia 2 โดยราคาขายก๊าซจะต่ำกว่าที่ Gazprom เรียกเก็บจากลูกค้าในยุโรป

อย่างไรก็ตาม จีนยังไม่ได้ยืนยันรายละเอียดตามที่มิลเลอร์ระบุ ซึ่งสำนักข่าวซินหัวรายงานเพียงว่าทั้ง 2 ประเทศได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือกว่า 20 ฉบับ ครอบคลุมหลายด้านรวมถึงพลังงาน แต่ไม่ได้กล่าวถึงท่อก๊าซดังกล่าวโดยตรง

*** ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าจีนกลับมาฟื้นตัวหลังซบเซาช่วงต้นฤดูร้อน ท่ามกลางสงครามราคา โดยหลายค่ายทำสถิติใหม่จากการเปิดตัวรุ่นราคาจับต้องได้ โดย BYD ยังคงครองแชมป์ตลาด ส่งมอบ 371,501 คัน โตเกือบ 22% YoY ด้าน Nio ทำสถิติใหม่ 31,305 คัน หลังเปิดตัว SUV Onvo L90 ขณะที่ Leapmotor ส่งมอบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 57,066 คัน (+88% YoY) ด้าน Xpeng ทำสถิติสูงสุดรายเดือน 37,709 คัน จากการเปิดตัวรุ่นใหม่ P7 ส่วน Li Auto

ยอดขายลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ขณะที่ Xiaomi คงระดับการส่งมอบกว่า 30,000 คัน หลังเปิดตัว SUV รุ่น YU7 ในเดือนก.ค. และ Zeekr (Geely) ขยับขึ้นเล็กน้อยเป็น 17,626 คัน จาก 16,977 คัน ในก.ค.

*** เทสลา (Tesla) รายงานยอดส่งมอบรถยนต์จากโรงงานนครเซี่ยงไฮ้ เพียง 83,192 คันในเดือนส.ค. โดยไม่ได้แยกตัวเลขส่งออกและจำหน่ายในประเทศ ซึ่งยอดดังกล่าวลดลง 4% จากปีก่อนหน้า และทำให้การส่งมอบหดตัวใน 7 จาก 8 เดือนแรกของปีนี้

ความอ่อนแอที่ยืดเยือดังกล่าว ตอกย้ำความท้าทายหลายด้านของผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของอีลอน มัสก์ โดยจีนเป็นตลาดต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของเทสลา แต่สงครามราคาอย่างต่อเนื่องและความนิยมของรถยนต์ราคาจับต้องได้ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีจากคู่แข่งท้องถิ่นอย่าง BYD และ Xiaomi ได้กดดันยอดขายอย่างหนัก

*** อีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Tesla Inc. ระบุว่า มูลค่าของบริษัทในอนาคตประมาณ 80% จะมาจาก Optimus โครงการหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ที่เขาเปิดตัวครั้งแรกเมื่อ 4 ปีก่อน มากกว่าธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นรายได้หลักในปัจจุบัน แม้หุ่นยนต์ดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพัฒนาและยังห่างไกลจากการสร้างรายได้จริงก็ตาม

ตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าว มีขึ้นไม่นานหลังจากเทสลาเผยแพร่ Master Plan ฉบับล่าสุด ซึ่งเป็นแผนกลยุทธ์องค์กรที่ได้รับการอัปเดตเป็นระยะ โดยครั้งนี้มีการกล่าวถึงหุ่นยนต์เป็นครั้งแรก โดยเทสลาระบุผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า เรากำลังสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่จะนำ AI เข้าสู่โลกทางกายภาพ เราทำงานอย่างไม่หยุดหย่อนเกือบ 2 ทศวรรษ เพื่อวางรากฐานให้กับการปฏิวัติเทคโนโลยีครั้งใหม่นี้ ผ่านการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์พลังงาน และหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์

*** ศาลสหรัฐฯ สั่งห้ามกูเกิลทำสัญญาเอ็กซ์คลูซีฟ หลังถูกตัดสินผูกขาดตลาดค้นหาออนไลน์ แต่ยังอนุญาตให้จ่ายเงินให้พาร์ตเนอร์ได้ โดยคำตัดสินดังกล่าว ถือเป็นความพ่ายแพ้ต่อรัฐบาลสหรัฐฯ หลังไม่เป็นไปตามมาตรการรุนแรงที่ฝ่ายบังคับใช้กฎหมายแข่งขันทางการค้าต้องการ ภายหลังศาลวินิจฉัยว่ากูเกิลกระทำการผูกขาดตลาดค้นหาออนไลน์อย่างผิดกฎหมาย

ผู้พิพากษาสั่งห้ามกูเกิลทำสัญญากระจายบริการแบบเอ็กซ์คลูซีฟ แต่ยังคงอนุญาตให้บริษัทสามารถจ่ายเงินให้แก่พาร์ตเนอร์ได้ ซึ่งถือเป็นชัยชนะสำคัญของ Apple ที่ปัจจุบันได้รับรายได้ราว 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี จากการที่กูเกิลถูกตั้งค่าให้เป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้นใน iPhone

*** Anthropic บริษัทด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) เปิดเผยว่าได้ปิดรอบการระดมทุนใหม่เป็นมูลค่า 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้มูลค่าบริษัท (รวมเงินที่ระดมได้) เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า แตะ 183,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นหนึ่งในสตาร์ทอัพ AI ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ซึ่งการระดมทุนครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งในดีลที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท AI โดยมี Iconiq Capital เป็นผู้นำการลงทุน ร่วมกับ Fidelity Management and Research Co. และ Lightspeed Venture Partners ขณะที่นักลงทุนรายอื่นที่เข้าร่วม ได้แก่ กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติสิงคโปร์ (GIC) Insight Partners และกองทุนความมั่งคั่งแห่งรัฐกาตาร์ (Qatar Investment Authority - QIA)

*** บริษัทผู้พัฒนายาเร่งนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในกระบวนการค้นคว้าและทดสอบความปลอดภัย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและมีต้นทุนต่ำลง สอดคล้องกับท่าทีของสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ที่ผลักดันให้ลดการใช้สัตว์ทดลองในอนาคตอันใกล้

ผู้เชี่ยวชาญ 11 รายจากบริษัทวิจัยสัญญาจ้าง (CROs), บริษัทไบโอเทค และโบรกเกอร์คาดว่า ภายใน 3-5 ปีข้างหน้า การใช้ AI ควบคู่กับการลดการทดสอบในสัตว์ อาจช่วยลดทั้งระยะเวลาและค่าใช้จ่ายได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง

ขณะนี้ ผู้ผลิตซอฟต์แวร์พัฒนายาอย่าง Certara รวมถึงบริษัทไบโอเทคอย่าง Schrodinger และ Recursion Pharmaceuticals ได้เริ่มใช้ AI ในการทำนายว่าตัวยาทดลองจะถูกดูดซึม กระจายตัว หรือก่อให้เกิดผลข้างเคียงเป็นพิษได้อย่างไร

*** มาร์ก เบนีออฟฟ์ (Marc Benioff) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Salesforce เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดพนักงานฝ่ายบริการลูกค้าลง 4,000 ตำแหน่ง หลังการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้งานช่วยลดความจำเป็นในการใช้แรงงานคน โดยระบุว่า ผมลดจำนวนพนักงานจาก 9,000 คน เหลือประมาณ 5,000 คน เพราะผมไม่จำเป็นต้องใช้คนมากขนาดนั้นแล้ว

Salesforce ถือเป็นหนึ่งในบริษัทแนวหน้าที่ผลักดันการใช้ AI และได้พัฒนาระบบหุ่นยนต์บริการลูกค้าในชื่อ Agentforce การปลดพนักงานครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เบนีออฟฟ์เคยประกาศว่า AI สามารถทำงานแทนได้ถึง 50% ของงานทั้งหมดในบริษัท

รายงาน โดย Supak Hopuengju เรียบเรียง โดย Supak Hopuengju
อีเมล์. supak@efinancethai.com
ดูข่าวต้นฉบับ

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...