โฆษก ทบ.ย้ำไทยไม่ปิดโอกาสตอบโต้ทหารเขมรรุกล้ำวางทุ่นระเบิด

วันนี้ (29 ส.ค.2568) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาในรอบ 1 หลังมีข้อตกลงหยุดยิง ว่า ในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 ยังต้องเฝ้าระวังและกำลังพลมีความพร้อมในการรักษาอธิปไตยไม่ต่างกับห้วงที่ผ่านมา โดยพบว่าพื้นที่ที่อยู่ในการควบคุมของฝ่ายไทยยังมีการลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดหลังจากมีข้อตกลงหยุดยิง ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดถึง 3 ครั้ง

ทั้งนี้ การลาดตระเวน แม้จะเป็นพื้นที่ที่ทหารไทยควบคุมได้ แต่ต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะการข่าวยังพบว่าฝ่ายกัมพูชายังลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิด รวมถึงการใช้โดรนคุกคาม

พ.ต.วินธัย กล่าวอีกว่า กองทัพบกยังเน้นการสื่อสารเรื่องการใช้ทุ่นระเบิด แต่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือนข้อมูลว่าเป็นของเก่าจากสงครามในอดีต ซึ่งฝ่ายไทยมีหลักฐานชี้ชัดว่าเป็นการวางใหม่ โดยเฉพาะข้อมูลหลักฐานในโทรศัพท์ของทหารกัมพูชาประมาณ 20 เครื่อง มีทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวที่เป็นการสอนใช้ทุ่นระเบิด ถือเป็นหลักฐานที่ไม่สามารถปลอมแปลงได้ โดยผู้ที่สืบค้นข้อมูลเชิงลึกให้กับกองทัพคือสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ของกระทรวงยุติธรรม และสามารถนำสิ่งเหล่านี้ไปยืนยันกับองค์กรต่างประเทศได้

กองทัพบกเน้นย้ำเรื่องทุ่นระเบิด เพราะมีความสำคัญและมีผลกระทบต่อประเทศไทย ไม่เฉพาะหน่วยงานของกองทัพ แต่ยังรวมถึงประชาชนที่กังวลเรื่องนี้

ส่วนกรณีแม่ทัพภาคที่ 2 มีคำสั่งอนุมัติให้ยิงตอบโต้ทันที หากพบทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามาวางระเบิด จะสามารถป้อมปรามได้หรือไม่ พล.ต.วินธัย ระบุว่า กรณีดังกล่าวถือว่าอยู่ในเรื่องของกฎการใช้กำลังหรือกฎการปะทะ เนื่องจากมีความชัดเจนว่าทหารกัมพูชาเข้ามาเพื่อคุกคามชีวิตและทำอันตรายต่อทหารไทย เพราะฉะนั้นแนวทางในการป้องกันตัวสามารถทำได้

โฆษก ทบ. ยังยอมรับว่า หากฝ่ายไทยยิงตอบโต้ก็มีโอกาสที่ฝ่ายกัมพูชาจะยิงสวนกลับมา ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เฉพาะ แต่หากมีการรุกล้ำและสิ่งบ่งชี้ทุกอย่างค่อนข้างชัดเจนว่าเข้ามาเพื่อทำอันตรายกับทหารไทย เพราะฉะนั้นหลักของการป้องกันตัว เมื่อภัยคุกคามมาถึงและกระทบต่อชีวิต หลักทั่วไปของสากลก็สามารถทำได้ อย่างไรก็ตามฝ่ายไทยให้ความสำคัญและเคารพข้อตกลงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ไม่ปิดโอกาสในการป้องกันตัวเอง

ทบ.ยอมรับกังวลเหตุ "บ้านหนองจาน" หวั่นลามจุดอื่น

พล.ต.วินธัย ยังกล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนในพื้นที่ "บ้านหนองจาน" จ.สระแก้ว หลังจากมีการประกาศกฎอัยการศึกยังไม่ได้รับรายงานสิ่งผิดปกติ ซึ่งการประกาศกฎอัยการศึกเป็นมาตรการควบคุมพื้นที่และรักษาความปลอดภัย เนื่องจากในพื้นที่มีแนวโน้มการเกิดเหตุจลาจลและอาจมีความไม่เรียบร้อย ถือเป็นมาตรการดูแลการเข้า-ออกพื้นที่ ซึ่งต้องระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะการดูแลประชาชนไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไทยหรือฝ่ายกัมพูชา

ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเผชิญหน้าของประชาชน 2 ประเทศ ซึ่งอาจพัฒนาไปจุดอื่น จึงค่อนข้างกังวล แต่ยืนยันว่าสามารถขอความร่วมมือมวลชนฝ่ายไทย รวมถึงอินฟลูเอนเซอร์ได้

สำหรับปัญหาในพื้นที่บ้านหนองจาน หากการประชุมทวิภาคีในระดับต่างๆ ไม่เป็นผล จะสามารถใช้กำลังผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้หรือไม่นั้น พล.ต.วินธัย กล่าวว่า เป็นไปได้ทั้งหมด ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวมีความข้องเกี่ยวกับประชาชนจึงต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง เพราะกัมพูชาพยายามใช้เวทีต่างประเทศเป็นเครื่องมือกดดันฝ่ายไทย แต่ยังไม่สามารถทำได้ ซึ่งฝ่ายไทยก็มีความพร้อมในทุกเรื่องและชี้แจงว่าทุกเรื่องดำเนินการอยู่บนพื้นฐานของความชอบธรรม

พร้อมยอมรับว่าฝ่ายทหารมีความกังวล อยากให้การทำงานมีความสมบูรณ์มากที่สุด ไม่ถูกหยิบยกไปเป็นเงื่อนไขอื่นที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในอนาคต เพราะจะทำให้บริหารจัดการปัญหาต่างๆ ได้ยากขึ้น

โฆษกกองทัพบก ยังกล่าวถึงกรณีการสร้างรั้วชายแดน จ.สระแก้ว ว่า โดยหลักหากเป็นพื้นที่ที่มีความเรียบร้อยแล้วสามารถสร้างรั้วได้ แต่ในพื้นที่ที่เป็นประเด็น ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่ยังไม่ชัดเจน ไม่มีการยอมรับเส้นปฏิบัติการของทั้ง 2 ประเทศ ส่วนเรื่องการสร้างรั้วจะเป็นหน้าที่ของกองทัพบกหรือกองทัพไทยนั้น ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลรายละเอียด แต่มองว่าการสร้างรั้วจะมีประโยชน์ โดยเฉพาะการเข้า-ออกในพื้นที่ที่มีความชัดเจน

อ่านข่าว

กองกำลังบูรพา ประกาศกฎอัยการศึกคุมพื้นที่ "บ้านหนองจาน"

ทบ.เปิด “โทษ” กฎอัยการศึก บ้านหนองจาน ป้องกันเขมรป่วน

กองทัพเตรียมสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกหลักเขตที่ 50-51