บทเรียนสุดท้าย Evergrande ถูกถอดจากตลาดหุ้นจีน หนี้มหาศาลพาถึงทางตัน
หากใครจำกันได้ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2020 จีนได้ออกกฎเข้มงวดที่เรียกว่า ‘สามเส้นแดง’ (Three Red Lines) เพื่อควบคุมการก่อหนี้ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ มาตรการนี้เปรียบเสมือนการปิดประตูเงินกู้สำหรับผู้พัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่ที่ขยายธุรกิจด้วยการกู้หนี้จำนวนมาก
หนึ่งในนั้นคือ ‘Evergrande’ ยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาฯ ของจีน ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์ของการเติบโต แต่กฎใหม่นี้กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ วิกฤติหนี้ครั้งประวัติศาสตร์
ไม่นานหลังจากมาตรการเริ่มบังคับใช้ Evergrande ก็เผชิญภาวะขาดสภาพคล่อง และในปี 2021 บริษัทไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด กลายเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ จีนรายแรกที่ ผิดนัดชำระหนี้พันธบัตรต่างประเทศ
[ สะเทือนทั้งผู้ซื้อ–นักลงทุน–เศรษฐกิจจีน ]
เหตุการณ์นี้สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ เมื่อ Evergrande หยุดการก่อสร้างหลายโครงการ ผู้ซื้อบ้านนับล้านครอบครัวที่จ่ายเงินแล้วกลับไม่ได้บ้าน ความไม่พอใจจึงปะทุเป็นการประท้วงในหลายเมือง
ขณะเดียวกัน นักลงทุนและเจ้าหนี้ต่างชาติก็สูญเสียความเชื่อมั่น ราคาหุ้นและพันธบัตรของ Evergrande ดิ่งลงอย่างหนัก จนถูกเปรียบเทียบว่าอาจเป็น ‘เลห์แมนบราเธอร์สของจีน’ ที่อาจลุกลามเป็นวิกฤติการเงินระดับโลก
ที่สำคัญกว่านั้น คือผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนโดยรวม เนื่องจากภาคอสังหาฯ เป็นตัวแปรสำคัญที่ฉุดรั้งการเติบโตด้วย 3 ปัจจัยหลัก
1.สัดส่วนในเศรษฐกิจ : ภาคอสังหาฯ คิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของ GDP จีน
2.ความมั่งคั่งของครัวเรือน : มากกว่า 70% ของสินทรัพย์ครัวเรือนจีนอยู่ในอสังหาฯ เมื่อราคาบ้านตก ความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายก็หดตัว
3.รายได้รัฐบาลท้องถิ่น : ส่วนใหญ่พึ่งพาการขายที่ดิน แต่รายได้ส่วนนี้ลดลงต่อเนื่อง (ต้นปี 2025 รายได้จากการขายที่ดินหดตัวกว่า 15% จากปีก่อน)
[ สุดท้ายยื้อไม่ไหว ถูกถอดออกจากตลาดหุ้น ]
ก่อนหน้านั้นในช่วงปี 2016–2020 Evergrande เคยโตเร็ว ม่ก รายได้พุ่งสูง และยังมีกำไรที่ลดหลั่นตามการขยายตัว แต่หลังจากรัฐบาลจีนเริ่มบังคับใช้กฎใหม่ บริษัทก็เริ่มติดขัดสภาพคล่อง รายได้หดมาก กำไรหายไป เปลี่ยนเป็นขาดทุนมหาศาล แทนตั้งแต่ในช่วงปี 2021–2022
และเมื่อไม่สามารถนำเสนอแผนปรับโครงสร้างหนี้ที่น่าเชื่อถือได้ ศาลฮ่องกงจึงมีคำสั่งเมื่อ 29 ม.ค. 2024 ให้ Evergrande เข้าสู่กระบวนการชำระบัญชี (liquidation) ทำให้หุ้นถูกระงับการซื้อขายทันที
ราคาหุ้นที่เคยพุ่งสูงสุดราว 31 ดอลลาร์ฮ่องกง ร่วงลงต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ฮ่องกง และในที่สุดวันที่ 25 ส.ค. 2025 Evergrande ก็ถูกถอดออกจากตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง (delisting) อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว
[ บทเรียนจากกรณี Evergrande ]
การเพิกถอนหุ้นครั้งนี้ไม่ใช่เพียงจุดจบของบริษัทเดียว แต่เป็น เหตุการณ์เชิงสัญลักษณ์ ที่สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจจีน ภาครัฐแม้จะพยายามประคองด้วยมาตรการต่าง ๆ เช่น
-การผ่อนปรนข้อจำกัดการกู้ยืม
-โครงการ Re-lending และ White-list program เพื่อช่วยเหลือผู้พัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่
แต่ทิศทางในระยะยาวชี้ชัดว่า จีนต้องการ ลดการพึ่งพาภาคอสังหาฯ และผลักดันการลงทุนไปสู่ อุตสาหกรรมใหม่ เช่น เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง
รัฐบาลจีนยังคงใช้นโยบายการคลังและการเงิน เช่น การกระตุ้นการบริโภคและการลดดอกเบี้ย เพื่อชดเชยแรงกดดันจากอสังหาฯ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดว่าเศรษฐกิจจีนปี 2025 จะเติบโตเพียง 4.8% ต่ำกว่าเป้าหมาย 5% ของรัฐบาล
เรื่องราวของ Evergrande คือบทเรียนสำคัญว่า การเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยgหนี้มหาศาลไม่อาจยั่งยืน และในอีกด้านหนึ่งก็เป็นเรื่องสะท้อนว่า จีนกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ จากการพึ่งพาอสังหาฯ มุ่งไปสู่การเติบโตบนฐานอุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่มั่นคงกว่าเดิม