ทำไม PHEV ถึงกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ยุคใหม่
GWM (Thailand) มองว่ารถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคชาวไทย ด้วยการผสานจุดเด่นของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์สันดาปเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ผู้ขับขี่สามารถใช้งานได้อย่างยืดหยุ่นและคุ้มค่ากับสภาพการขับขี่และโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในปัจจุบัน
ทำไม PHEV ถึงเหมาะที่จะเป็นตัวเลือก?
GWM ได้อธิบายถึง 5 จุดเด่นของรถยนต์ PHEV ที่ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ในประเทศไทย ได้แก่
- ยืดหยุ่นทุกการเดินทาง PHEV เหมาะกับการขับขี่ทั้งในเมืองและนอกเมือง สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าล้วนได้เมื่อขับขี่ในชีวิตประจำวัน และยังมีเครื่องยนต์น้ำมันเป็นตัวช่วยเมื่อต้องเดินทางไกลไปยังพื้นที่ที่ไม่มีสถานีชาร์จ ทำให้หมดกังวลเรื่องระยะทาง
- ประหยัดค่าใช้จ่าย ด้วยแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่กว่ารถไฮบริดทั่วไป ทำให้สามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าได้ในระยะทางที่ไกลกว่า เช่น GWM HAVAL H6 PHEV ที่วิ่งได้ไกลกว่า 150 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (ตามมาตรฐาน NEDC) ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงในชีวิตประจำวันได้อย่างมาก
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าช่วยลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ (PM 2.5) และเสียงรบกวนในเขตเมืองได้มากกว่ารถยนต์สันดาปและรถไฮบริด
- สอดคล้องกับพฤติกรรมคนไทย ไลฟ์สไตล์ของคนไทยที่นิยมการเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ PHEV จึงตอบโจทย์ได้ดี เพราะไม่ต้องกังวลกับการชาร์จไฟระหว่างการเดินทางไกล
- ก้าวสู่ EV อย่างมั่นใจ สำหรับผู้ที่ยังไม่คุ้นเคยกับรถยนต์ไฟฟ้า 100% รถ PHEV เป็นเหมือนสะพานเชื่อมที่ช่วยให้ผู้ใช้ได้เรียนรู้และคุ้นเคยกับการชาร์จไฟและการขับขี่ด้วยไฟฟ้า ก่อนจะก้าวไปสู่การใช้รถ EV เต็มรูปแบบในอนาคต
ตารางเปรียบเทียบ PHEV vs BEV vs HEV vs ICE ในบริบทของประเทศไทย โดยคำนึงถึงโครงสร้างพื้นฐาน, ค่าครองชีพ, และพฤติกรรมผู้ใช้รถในไทย
คุณสมบัติ / ประเภท
รถยนต์ปลั๊กอิน-ไฮบริด
(PHEV)
รถยนต์ไฟฟ้า 100%
(BEV)
รถยนต์ไฮบริด
(HEV)
รถยนต์สันดาป
(ICE)
ความสะดวกด้านการใช้งาน
ใช้ไฟฟ้าสำหรับเดินทางระยะสั้น และใช้น้ำมันสำหรับเดินทางไกล เหมาะกับสภาพจราจรติดขัดในเมืองไทย
ต้องพึ่งพาสถานีชาร์จที่อาจยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่
เติมน้ำมันปกติและประหยัดกว่ารถน้ำมันล้วน
เติมน้ำมันง่าย สถานีมีทั่วประเทศ
ระยะทางไฟฟ้าล้วน
40 – 150 กม. ต่อการชาร์จ (HAVAL H6 PHEV มีระยะทางไฟฟ้าล้วนยาวที่สุดในรถ PHEV ที่ 150 กม.)
200 – 600 กม.
ระยะทางไฟฟ้าล้วนจำกัด (1-5+ กม.)
-
ระยะทางขับขี่รวม
(ขึ้นอยู่กับรุ่นและพฤติกรรมการขับขี่)
700 กม. ถึงมากกว่า 1,000 กม. ต่อการชาร์จ + เติมน้ำมัน (แล้วแต่รุ่นและยี่ห้อรถยนต์)
ประมาณ 200 – 700 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
โดยเฉลี่ย 700 – 900 กม.
โดยเฉลี่ย 500 – 800 กม.
ค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิง /ไฟฟ้า
เมื่อวิ่งด้วยไฟฟ้าจะมีค่าใช้จ่าย ~0.7 – 1.3บาท/กม. และในโหมดไฮบริด ~1.8 – 2.2 บาท/กม.
เมื่อวิ่งด้วยไฟฟ้าจะมีค่าใช้จ่าย ~0.7 – 1.3บาท/กม.
โหมดไฮบริด ~1.8 – 2.2 บาท/กม.
สูงสุด (เฉลี่ย 3–5 บาท/กม.)
การปล่อยมลพิษ
ต่ำกว่าระบบไฮบริด และเป็นศูนย์เมื่อวิ่งในโหมดไฟฟ้า
ศูนย์
ปานกลาง
สูง
โครงสร้างพื้นฐานในไทย
พร้อมใช้งาน
ยังมีข้อจำกัด โดยเฉพาะในเขตต่างจังหวัดและเขตห่างไกลจากตัวเมือง
พร้อมใช้งาน
พร้อมใช้งาน
เหมาะกับใคร
คนเมืองที่ใช้เดินทางระยะสั้น ๆ ในวันทำงาน และขับทางไกลในวันหยุด โดยไม่ต้องกังวลเรื่องจุดชาร์จต่าง ๆ
คนเมืองที่มีจุดชาร์จที่บ้าน/คอนโด และขับในเส้นทางที่ชัดเจน และมีจุดชาร์จที่ชัดเจน
ผู้ใช้ทั่วไปที่อยากประหยัดน้ำมัน แต่ไม่ต้องการชาร์จไฟ
ผู้ที่มีการใช้รถที่หลากหลาย และยังไม่พร้อมที่จะเข้าสู่ระบบพลังงานใหม่
All New GWM HAVAL H6 PHEV
รถรุ่นนี้คือตัวอย่างที่ชัดเจนของความสมดุลระหว่างพลังงานไฟฟ้าและน้ำมัน ด้วยจุดเด่นหลายด้านที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ครอบครัวยุคใหม่
- ดีไซน์ สปอร์ตพรีเมียมด้วยกระจังหน้า Smoke Chrome, ไฟหน้าและไฟท้าย LED พร้อมล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว
- เทคโนโลยี ภายในล้ำสมัยด้วยหน้าจอแสดงผลดิจิทัล, Head-up Display, หน้าจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 14.6 นิ้ว และระบบเสียง Amor luxury hifi
- สมรรถนะ เครื่องยนต์เทอร์โบ 1.5 ลิตร ปลั๊กอิน-ไฮบริด ให้กำลังสูงสุด 326 แรงม้า และแรงบิด 530 นิวตันเมตร
- ความปลอดภัย มาพร้อมระบบความปลอดภัยอัจฉริยะกว่า 31 รายการ เช่น กล้อง 540°, ระบบช่วยควบคุมและรักษาเลน และระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน
GWM ฉลองโอกาสครบรอบ 4 ปีในประเทศไทยด้วยแคมเปญพิเศษ GWM HAVAL H6 4th Anniversary ที่มอบข้อเสนอสุดคุ้ม 3 ทางเลือกสำหรับลูกค้า HAVAL H6 PHEV พร้อมส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าเก่า GWM อีกด้วย
ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นและสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้รถของคนไทย ทำให้ All New GWM HAVAL H6 PHEV เป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและเป็นก้าวสำคัญสู่การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมยานยนต์พลังงานสะอาดในอนาคต