นักวิชาการในสหรัฐชี้ “ฮุน เซน” เบี่ยงเบนและซื้อเวลา
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 23 สิงหาคม 2568 เวลา 19.00 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทวอชิงตัน 23 ส.ค.- นักวิชาการในสหรัฐระบุนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชาใช้ความขัดแย้งชายแดนและการเสนอชื่อผู้นำสหรัฐรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเป็นวิธีเบี่ยงเบนการตรวจสอบรัฐบาลกัมพูชาที่ใช้การขู่กรรโชกทางเพศกับเด็กเป็นหนึ่งในการหาประโยชน์ทางเศรษฐกิจอย่างชั่วร้าย
นายเจคอบ ซิมส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมข้ามชาติและสิทธิมนุษยชนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เขียนบทความแสดงความเห็นลงในเว็บไซต์เดอะดิโพลแมต (The Diplomat) วันที่ 21 สิงหาคม 2568 ด้วยการพาดหัวบทความว่า “นายฮุน เซนของกัมพูชากำลังเล่นกับประชาคมโลกและซื้อเวลาอย่างไร” เขามองว่า ดูเหมือนว่านักวิเคราะห์พากันสนใจประเด็นความขัดแย้งชายแดนระหว่างกัมพูชากับไทย และประเด็นที่กัมพูชาเสนอชื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐเป็นผู้สมควรได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ โดยมองข้ามเดิมพันที่ใหญ่กว่านั้น
นายซิมส์ระบุว่า กัมพูชาของนายฮุน เซนได้กลายเป็นผู้ดูแลเศรษฐกิจอาชญากรรมล่าเหยื่อที่สร้างรายได้มหาศาลให้แก่เครือข่ายอุปถัมป์ของชนชั้นนำ และชาวอเมริกันอาจกลายเป็นเป้าหมายหลักแล้วในขณะนี้ กัมพูชาเผชิญแรงกดดันมากขึ้นทั้งจากทั้งรัฐบาลสหรัฐและจีน การเล่นใหญ่ในประเด็นต่าง ๆ จึงทำหน้าที่เชิงยุทธศาสตร์เสริมเพื่อเบี่ยงเบน เตะถ่วง และลดความรับผิดของระบอบอาชญากรรมที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ซึ่งได้กลายเป็นยุทธศาสตร์ในการปกครองของพรรคประชาชนกัมพูชาหรือซีพีพี (CPP)
นายซิมส์อ้างผลการศึกษาใหม่ขององค์การยุติธรรมนานาชาติหรือไอเจเอ็ม (IJM) ที่พบรายงานการขู่กรรโชกทางเพศกับเด็กเกือบ 500 รายงานที่มีหลักฐานข้อมูลโยงใยกับศูนย์หลอกลวงทั้งหมด 40 แห่ง และมีรายงานเพิ่มเติม 18,000 รายงานที่มีที่อยู่ไอพีที่อาจเชื่อมโยงกับสถานที่เหล่านั้น พร้อมกับยกตัวอย่างชื่อสถานที่บางแห่งที่เป็นของนายลี ยงพัด สว.และนักธุรกิจที่กัมพูชาอ้างว่าตกเป็นเหยื่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนจากการถูกสหรัฐคว่ำบาตรเมื่อปีก่อน สิ่งนี้เป็นหลักฐานยืนยันว่า พรรคซีพีพีปล่อยให้ศูนย์หลอกลวงหาเงินให้แก่ผู้อุปถัมป์ และยังปล่อยให้มีการก่ออาชญากรรมกับเด็กด้วย ประเด็นหลังเป็นประเด็นที่สำคัญอย่างยิ่งต่อผู้กำหนดนโยบายในสหรัฐ เพราะเป็นการคุ้มครองเด็กจากการฉวยประโยชน์ที่ทำให้เยาวชนชาวอเมริกันเป็นโรคซึมเศร้าและตัดสินใจจบชีวิตตัวเองเป็นจำนวนมาก
นายซิมส์เตือนว่า เศรษฐกิจอาชญากรไซเบอร์ของกัมพูชาได้เข้าถึงครัวเรือนอเมริกันและระบบการเงินโลกด้วยขนาดและความรุนแรงมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน การหลอกลวงที่เรียกว่า “เชือดหมู” มีแนวโน้มจะเป็นรูปแบบอาชญากรรมทางการเงินที่เกิดขึ้นกับชาวอเมริกันมากที่สุดในปีนี้ และว่า ธนาคารทุจริตของกัมพูชาและเทคโนโลยีได้ฟอกเงินจำนวนมหาศาลผ่านระบบการเงินของกัมพูชา
บทความทิ้งท้ายว่า เผด็จการทั่วโลกมักอาศัยการเบี่ยงเบนและซื้อเวลา ขณะเดียวกันการพึ่งพาอาชญากรรมหลากหลายอย่างมากเกินไปก็กลายเป็นจุดอ่อนได้เช่นกัน บทเรียนใหญ่ที่อาจได้จากกัมพูชาคือ ความรับผิดจะเกิดขึ้นได้เมื่อหลักฐานต่าง ๆ นำมาซึ่งการรวมตัวกันเป็นพันธมิตร ขณะนี้ดูเหมือนว่าระบอบชั่วร้ายกำลังอยู่เหนือทุกสิ่ง แต่จะถูกท้าทายได้หากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยยังคงมุ่งมั่น โดยมีข้อมูลสนับสนุน ร่วมมือกันในหลายภาคส่วน และเต็มใจเดินหน้าแม้เสี่ยงอันตราย เพื่อทำให้เครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้ไม่ได้รับการยกเว้นโทษจากผู้มีอำนาจอีกต่อไป.-814.-สำนักข่าวไทย