ดิว อริสรา ร่ำไห้รับแยกทางสามี เซบาสเตียน ยอมเสียสละให้ลูกมีอนาคตที่ดี ลั่นลูกคือพลังที่ทำให้มีชีวิตอยู่!
ดิว อริสรา ร่ำไห้รับแยกทางสามี เซบาสเตียน ยอมเสียสละให้ลูกมีอนาคตที่ดี ลั่นลูกคือพลังที่ทำให้มีชีวิตอยู่!
เป็นเรื่องที่หลายคนยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับ “ดิว อริสรา ทองบริสุทธิ์” ที่เป็นดาราที่มีภาพลักษณ์ดี ต้นทุนชีวิตสูงมาก สามี“เซบาสเตียน ลี” เป็นชาวต่างชาติร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐี มีครอบครัวอบอุ่น อยู่ๆ มามีเรื่องเป็นหนี้เป็นสินรุงรัง ยืมเงินคนนั้นคนนี้ไปทั่ว จนล่าสุด สาวดิว อริสรา ก็ได้เดินทางกลับมาที่ประเทศไทยแล้ว และพร้อมเดินหน้าทำงานเพื่อเคลียร์ปัญหาหนี้สิน จากกรณีที่เจ้าตัวยืมทรัพย์สินมูลค่ารวม 62 ล้านของไฮโซสาว เมย์ วาสนา ไปจนเป็นข่าวใหญ่ไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 20 ส.ค.68 ดิว อริสรา เปิดใจว่า “รับงานได้ทุกแบบ ขอบคุณทุกคนที่ติดต่อมา ไม่คิดว่าจะได้รับโอกาสขนาดนั้น ส่วนใหญ่เป็นไลฟ์ ดิว ยังอยู่ต่างประเทศ พอกลับมาอยู่ไทย เราจะทำได้ ขอบคุณทุกโอกาส”
“การกลับมา ในชีวิตดิวขึ้นๆลงๆ อยู่แล้ว ดิว ไม่ได้กลัวการเริ่มต้นใหม่ เราไม่ได้เริ่มจากศูนย์ เราเริ่มจากติดลบ ตั้งแต่อายุ 16 ไม่กลัวการเริ่มต้นใหม่ ทุกน้ำใจ โอกาส กำลังใจ แรงดันให้ดิวมั่นใจในการอยู่ประเทศไทย”
“ตอนแรก ก่อนกลับ ดิวกลัวมาก กลัวคน อยู่ไต้หวัน ก็กลัวคนไทย ตอนเครื่องจะลง เราก็กลัว วันแรกก็วัดๆเลย ไปเซ็นทรัลลาดพร้าว ดิวลืมไปว่าคนไทยน่ารัก ให้โอกาสคน ให้กำลังใจ เจอคนรอบข้าง ช่างหน้าผม นักข่าวก็กลัว แต่พอเจอไม่ใช่สายตาแบบนั้น ก็อุ่นใจ อยากอยู่ประเทศไทยเลย”
“เราเจอทุกอย่างถาโถม สิ่งที่สัมผัสมันตรงข้ามกับความกลัว ทำให้เราอุ่นใจ ประเทศไทยคือบ้านเรา”
“สิ่งที่ทำให้ดิวเสียใจมากที่สุดคือตัวดิวเองที่ดิวทำผิดพลาดทุกอย่าง ไม่โทษใคร ไม่เสียใจกับคำกล่าวโทษของใคร แต่เสียใจ เมื่อไหร่จะมีคำว่า บทเรียนที่จบสักที ดิวไม่อยากพลาดอีกแล้ว ดิวเบื่อตัวเอง มีเรื่องนั้นเรื่องนี้ คนรักดิวก็คงเบื่อ เสียใจที่สุดเมื่อไหร่ดิวจะไม่ผิดพลาดกับเรื่องแบบนี้สักที”
“คนที่รักคนที่ให้โอกาสดิว ดิวควรพอได้แล้ว ควรเข็ดได้แล้ว 1เราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง 2ใช้ชีวิตให้มีสติขึ้น 3อยู่บนโลกความเป็นจริงมากขึ้น 4การแก้ที่ตัวเอง”
“ไม่ต้องห่วงว่าดิวจะแก้ไม่ได้ ดิวเคยขึ้นสุดและลงสุดแล้ว ดังนั้นวันนี้ ดิวไม่ห่วงจะแก้ยังไง ดิวรู้แล้วอะไรเป็นอะไร ปลงขึ้น เห็นอะไรมากขึ้น”
“วันนี้ออกมาพูด การทำงานเป็นหน้าที่ ต้องตอบแทนคุณเขา อยู่กับเรามาตลอด เจอนักข่าวเราต้องทำอยู่แล้ว ถามว่าเกร็งมั้ย ไม่เกร็งกับการให้สัมภาษณ์ แต่เกร็งสายตาจะมองดิวแบบไหน จะรักกันเหมือนเดิมมั้ย”
โดยตอนหนึ่ง ดิว ตอบถึงเรื่องลูกแล้วถึงกับร่ำไห้หนัก หยุดอึ้งไปนาน ก่อนจะตอบว่า “ลูกๆมีความสุขดี ได้เจอตอนอยู่ต่างประเทศอยู่ด้วยกันตลอด ส่วนสามีความสัมพันธ์ ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว แบบที่เรายังเป็นเพื่อนกันที่ดี ต่อกัน ที่ไต้หวัน ไม่ได้อยู่บ้านหลังเดียวกัน
“ต้องอยู่กับลูก เพราะถ้าไม่อยู่กับลูกก็คงไม่อยากอยู่แล้ว พูดตรงๆจากใจนะ เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี อย่าคิดแบบดิว ถ้าไม่มีพลังจากลูก เราก็คงท้อมากๆแล้ว
“การที่เห็นว่าดิวไม่กลับไป เพราะถ้าอยู่ไทย ดิวไม่อยากอยู่แล้ว ดิวขอเวลาไปตั้งหลักหน่อย ดิวต้องไปเติมพลังจากสิ่งที่รักที่สุดที่อยู่ตรงหน้า ว่าทำไมดิวถึงต้องอยู่ต่อนะ”
“ไม่อยากให้โจมตีเขานะ สุดท้ายเขาก็คือคุณพ่อของลูกดิว เขาพยายามทำหน้าที่พ่อของลูกให้ดีที่สุด แม้ดิวจะว้าเหว่ เผชิญปัญหาคนเดียว แต่ถ้าลูกมีความสุข มีอนาคต ดิวยอมเสียสละได้ทุกอย่าง”