ย้อนคดี “ลุงพล-น้องชมพู่” ปิดฉากชั้นอุทธรณ์ ศาลมุกดาหาร สั่งคุก 26 ปี
สรุปคดี น้องชมพู่-ลุงพล มหากาพย์เด็กตายบ้านกกกอก ศาลตัดสินคดีลุงพล จำคุก 20 ปี ไทม์ไลน์ตั้งแต่ต้นจนจบ สู่คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 คดีน้องชมพู่
เป็นเวลากว่า 3 ปี สำหรับคดีการหายตัวไปอย่างเป็นปริศนาของ น้องชมพู่ หรือ ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หนูน้อยวัย 3 ขวบ ที่ต่อมาภายหลังถูกพบเป็นศพในสภาพเปลือยกายบนภูเหล็กไฟ เขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูผายล จังหวัดมุกดาหาร โดยผู้ต้องหา 2 คนสำคัญในคดีนี้ได้แก่ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล และ น.ส.สมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น ก่อนถูกศาลจังหวัดมุกดาหารออกหมายจับในเวลาต่อมา
วันนี้ 20 ธันวาคม 2566 ศาลจังหวัดมุกดาหาร ได้ตัดสินแล้ว บทสรุปคือ ลุงพลติดคุก 20 ปี ยกฟ้องป้าแต๋น ปิดมหากาพย์บ้านกกกอก วันนี้เดอะไทยเกอร์ได้ทำการสรุปคดีความมาให้ทุกท่านอ่านโดยสังเขปไปพร้อมกัน
11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่หายตัวไปอย่างเป็นปริศนา
เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2563 ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ น้องชมพู่ หายตัวปริศนาไปจากบริเวณหน้าบ้านของ น.ส.จุไรภรณ์ สุขพันธุ์ หรือ น้าต่าย ซึ่งเป็นบ้านหลังที่ติดอยู่กับบ้านของน้องชมพู่ เหตุนี้ทำให้ น.ส.สาวิตรี วงศ์ศรีชา ผู้เป็นมารดาของน้องชมพู่ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.กกตูม จังหวัดมุกดาหาร ทำให้มีการระดมกำลังพลกันช่วยตามหาหนูน้อยวัย 3 ขวบรายนี้
14 พฤษภาคม 2563 พบศพน้องชมพู่บนภูเหล็กไฟ
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจระดมกำลังพลค้นหาตัวน้องชมพู่ ต่อมาในวันที่ 14 พฤษภาคม 2563 เวลาประมาณ 19.00 น. ก็พบศพของน้องชมพู่นอนเสียชีวิตอยู่บนภูเหล็กไฟ เขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติภูผายล จังหวัดมุกดาหาร ห่างจากบ้านของน้องชมพู่ประมาณ 2 กิโลเมตร
สำหรับสภาพศพของน้องชมพู่นั้น ต่อมา19 พ.ค.63 แผนกนิติเวช รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ยืนยันผลชันสูตร ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายและการล่วงละเมิดทางเพศ ระบุ “ไม่ปรากฏสาเหตุการตาย แต่พบบาดแผลตามร่างกายและอวัยวะเพศ” ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเกิดจากทำร้ายร่างกาย ล่วงละเมิด หรือสาเหตุใดแน่ชัด
1 มิถุนายน 2563 ชาวเน็ตชี้เป้าลุงพลเป็นคนร้ายคดีนี้
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ในขณะนั้นเผยว่า ตำรวจคัดแยกกลุ่มผู้ต้องสงสัยแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องรอผลจากนิติวิทยาศาสตร์อย่างละเอียด โดยโลกออนไลน์และประชาชนที่ติดตามข่าว หลายคนชี้เป้าคนร้ายไปที่ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล อายุ 45 ปีในขณะนั้น ผู้เป็นลุงของน้องชมพู่
อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายออกมาโจมตีว่าลุงพลเป็นคนร้ายในคดีน้องชมพู่ ก็เกิดกระแสโต้กลับ มีคนจำนวนมากลุกฮือขึ้นมาปกป้องลุงพล โลกออนไลน์ในขณะนั้นกลายเป็นที่รวมตัวของแฟนคลับลุงและป้าแต๋น ผู้เป็นภรรยาลุงพล หลายคนเชื่อว่าลุงพลไม่ใช่ฆาตกร ฆ่าน้องชมพู่
แม้จะมีการสืบสวนสอบสวนคดีน้องชมพู่กันอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นคนร้ายในคดีนี้ ส่วนพยานหลักฐานหลายอย่างก็ชี้เป้าไปที่ลุงพล ทำให้ลุงพลตกเป็นผู้ต้องสงสัยเบอร์ 1 กระทั่งผลชันสูตรศพน้องชมพู่ปรากฏว่าเสียชีวิตจากการขาดน้ำและอาหาร
ประกอบกับสื่อหลายสำนักต่างก็พากันไปตั้งหลักที่บ้านกกกอกเพื่อถ่ายทอดสดชีวิตประจำวันของลุงพลและป้าแต๋น รวมถึงพยายามสัมภาษณ์ทั้งคู่ในแง่มุมต่าง ๆ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ลุงพลเริ่มมีชื่อเสียงจากคดีน้องชมพู่หายตัวปริศนา จำนวนแฟนคลับลุงพลเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว
สิงหาคม 2563 ลุงพล ร่วมงานกับ จินตหรา พูนลาภ
จากผลการชันสูตรศพน้องชมพู่ที่ไม่พบว่าถูกทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต ประกอบกับการนำเสนอข่าวของสื่อทุกสำนักที่พยายามถ่ายทอดชีวิตลุงพล เท่านั้นยังไม่พอ หมอผีชื่อดังอย่าง หมอปลา ก็ยังออกตัวยืนยันความบริสุทธิ์ให้แก่ลุงพลอีกด้วย จึงยิ่งทำให้ชื่อเสียงของลุงพลโด่งดังมากยิ่งขึ้น
ลุงพลและป้าแต๋นเริ่มเปิดชาแนลยูทูบของตัวเองชื่อว่า “ลุงพลป้าแต๋น แฟมิลี่” ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากแฟนคลับเป็นอย่างดี กระทั่งต่อมาลุงพลได้มีโอกาสร่วมงานกับนักร้องดังอย่าง จินตหรา พูนลาภ โดยเป็นการฟีทเจอริ่งกันในเพลง เต่างอย เวอร์ชั่นใหม่ กวาดยอดชมไปกว่า 23 ล้านวิว
แม้จะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหตุใด นักร้องสาวคนดังถึงได้นำตัวผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมมาร่วมงานด้วย แต่ก็ไม่อาจเลี่ยงที่จะกล่าวได้ว่า ณ ขณะนั้นชื่อเสียงของลุงพลเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศอย่างคาดไม่ถึง
กันยายน 2563 อานิสงส์คดีน้องชมพู่ พาลุงพลเข้าสู่วงการบันเทิง
เกิดกระแสลุงพลฟีเวอร์เรื่อยมาจนกระทั่งในช่วงเดือนกันยายน 2564 นักปั้นมือทองอย่าง อุ๊บ วิริยะ พงษ์อาจหาญ ก็ได้พาลุงพลและป้าแต๋นเข้าสู่วงการบันเทิง มีการพาออกงานเดินแบบแฟชั่นโชว์ นอกจากนี้ลุงพลและป้าแต๋นก็ยังรับงานพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าอีกหลายแบรนด์
มิถุนายน 2564 ครบรอบ 1 ปีคดีน้องชมพู่ ตำรวจบุกจับลุงพล 3 ข้อหา
เป็นระยะเวลากว่า 1 ปี ที่ยังไม่สามารถไขความกระจ่างกับคดีของน้องชมพู่ได้ กระทั่งวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ศาลจังหวัดมุกดาหารอนุมัติหมายจับลุงใน 3 ข้อหา ประกอบด้วย พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปี ไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันควร ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกิน 9 ปี เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแล เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย และ กระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป
ต่อมาในวันที่ 2 มิถุนายน 2564 ตำรวจชุดปฏิบัติการฟ้าสางกลางกกกอก ได้เดินทางไปยังบ้านลุงพลที่กกกอก ตั้งแต่เวลาเกือบ 6 โมงเช้า แต่ไม่พบตัวลุงพลและป้าแต๋น มีเพียงลูกชายอยู่ที่บ้าน ขณะที่โลกโซเชียลช่องยูทูป ลุงพลป้าแต๋น แฟมิลี่ ได้ไลฟ์สดล่าสุดเมื่อช่วงกลางคืนของวันที่ 1 มิถุนายน 2564 จึงยังไม่มีใครทราบว่าปัจจุบันลุงพลอยู่ที่ไหน กระทั่งช่วงสาย เวลาประมาณ 10 โมง มีรายงานว่า ลุงพลมอบตัวแล้วที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร โดยมีทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เป็นผู้พามามอบตัว
หลังจากที่ลุงพลเดินทางเข้ามามอบตัว ต่อมาก็ได้รับการประกันตัว ส่วนป้าแต๋นถูกตั้งข้อหาร่วมกระทำการใด ๆ แก่ศพน้องชมพู่ หรือ สภาพแวดล้อม ในที่บริเวณที่พบศพฯ และยังถูกแจ้งข้อกล่าวหาตามมาตรา 83 ประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งบัญญัติว่า “ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น”
27 กรกฎาคม 2566 สืบพยานจำเลยปากสุดท้าย
สำหรับคดีน้องชมพู่นี้เป็นคดีที่ได้รับความสนใจจากประชาชนชาวไทยทั่วประเทศ เนื่องจากความผิดแปลกที่เกิดขึ้นกับผู้ต้องหาเบอร์ 1 ในคดีนี้อย่างลุงพลและป้าแต๋น ที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งที่ยังไม่ถูกพิสูจน์ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์จริงหรือไม่
ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานในคดีนี้มาอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการสอบสวนปากคำ พยานบุคคล และพยานผู้เกี่ยวข้อง โดยได้มีการสัมภาษณ์บุคคล จำนวน 384 ปาก และได้สอบปากคำเข้าสำนวนการสอบสวน จำนวน 120 ปาก รวมถึงได้สอบปากคำพยานผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ และพยานผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ไว้แล้วจำนวน 31 ปาก และสืบพยานจำเลยปากสุดท้ายในวันที่ 27 กรกฎาคม 2566
30 ตุลาคม 2566 ศาลเลื่อนฟังคำพิพากษาคดีน้องชมพู่
ศาลจังหวัดมุกดาหารได้มีการนัดลุงพลและป้าแต๋าเข้าฟังคำพิพากษาในวันที่ 30 ตุลาคม 2566 ก่อนที่ต่อมาภายหลังจะมีคำสั่งเลื่อนฟังคำตัดสินไปเป็นวันที่ 20 ธันวาคม 2566 ท่ามกลางประชาชนคนไทยที่กลับมาให้ความสนใจในคดีน้องชมพู่กันอีกครั้งหนึ่ง
20 ธันวาคม 2566 ศาลตัดสินคำคุกลุงพล 20 ปี
ล่าสุด 20 ธันวาคม 2566 ศาลจังหวัดมุกดาหารพิพากษาลุงพล มีความตามมาตรา 291 และ 317 กระทำโดยประมาทให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โทษจำคุก 10 ปี และ พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 โดยปราศจากเหตุอันสมควร โทษจำคุกอีก 10 ปี รวมกันแล้วลุงพลโดนโทษจำคุกทั้งหมด 20 ปี ในขณะที่ศาลมีคำสั่งยกฟ้องป้านแต๋น แต่ก็ยังสั่งให้จำเลยทั้ง 2 คน ต้องชำระค่าสินไหมทดแทน
13 สิงหาคม 2568 ศาลมุกดาหาร อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
เช้าวันนี้ (13 สิงหาคม 2568) ศาลจังหวัดมุกดาหารจัดให้มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ในคดีของน้องอรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ “น้องชมพู่” วัย 3 ขวบ ที่เคยหายตัวไปในพื้นที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร จนว่านอนบนภูเหล็กไฟในสภาพน่าสลดใจเมื่อเดือนพฤษภาคม 2563
โดยศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 คือ นายไชย์พล วิภา (“ลุงพล”) มีความผิดในสองข้อหา ได้แก่ พรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีไปจากผู้ปกครองโดยไม่มีเหตุอันควร และกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย คำพิพากษาได้ลงโทษจำคุกข้อหาละ 10 ปี รวมเป็น 20 ปี พร้อมสั่งชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต ส่วนจำเลยที่ 2 – นางสมพร หลาบโพธิ์ (“ป้าแต๋น”) – ศาลมีคำพิพากษายกฟ้อง
เช้านี้บรรยากาศที่ศาลจังหวัดมุกดาหารเต็มไปด้วยความตึงเครียด ขณะที่ “ลุงพล–ป้าแต๋น” เดินทางเข้าฟังคำตัดสินอย่างใจจดใจจ่อ เช่นเดียวกับพ่อและแม่ของน้องชมพู่ ที่เดินทางมารอฟังเช่นกัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง