สวทช. ลงนาม MOU พัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าฯ กับศูนย์วิจัยและฝึกอบรมทรัพยากรมนุษย์เพื่ออุตสาหกรรม มจพ.
สวทช. ลงนาม MOU พัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าฯ กับศูนย์วิจัยและฝึกอบรมทรัพยากรมนุษย์เพื่ออุตสาหกรรม มจพ.
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่ออุตสาหกรรม มจพ. (มาบตาพุด) อ.เมือง จ.ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.สมิตรา จรสโรจน์กุล ผอ. ศูนย์เทคโนโลยีพลังงานแห่งชาติ ปฎิบัติราชการแทน ผอ. สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. ลงนาม MOU บันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนา 'เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า การพัฒนาทักษะความรู้ด้านยานยนต์ไฟฟ้าและการจัดการแบตเตอรื่อย่างยั่งยืนให้กับบุคลากรภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม' ระหว่าง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กับศูนย์วิจัยและฝึกอบรมทรัพยากรมนุษย์เพื่ออุตสาหกรรม มจพ. และการทดสอบมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ณ อาคารศูนย์พัฒนาธุรกิจและอุตสาหกรรม ศูนย์วิจัยและฝึกอบรมทรัพยากรมนุษย์เพื่ออุตสาหกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ(มจพ.) วิทยาเขตระยอง โดยมี รศ. ดร. สมนึก วิสุทธิแพทย์ รองอธิกกรบดีฝ่ายพัฒนางานบริการวิชาการและอุตสาหกรรมสัมพันธ์ มจพ. ร่วมกล่าวถึงบทบาทความร่วมมือฯ และมีนางณัฐธารีย์ สิริกุลปัญญาพร รอง ผอ. วิทยาลัยเทคนิคระยอง ครู และบุคลากรทางการศึกษา วิทยาลัยเทคนิคระยอง ร่วมเป็นสักขีพยานฯ
ทั้งนี้สืบเนื่องจาก ตามที่สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ดำเนินโครงการ 'การผลักดันการประยุกต์ใช้และการจัดการตลอดวงจร ของการพัฒนายานยนต์โฟฟิวไนประเทศไทย' ภายโต้การสนับสุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก รอบที่ 7
ซึ่ง สวทช. มีหน้าที่ดำเนินการโครงการที่เกี่ยวข้องกับด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาองค์ความรู้ ประกอบด้วยการสาธิตและทดลองยานยนต์ไฟฟ้าและการจัดการแบตเตอรี่ที่ยั่งยืน การสร้างรูปแบบการถ่ายทอดเทคโนโลยี นั้น
ซึ่ง โครงการฯ ได้รับการสนับสนุนด้านข้อมูลบุคลากร และทรัพยากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงหน่วยงานในพื้นที่จังหวัดระยอง เป็นอย่างดีเสมอมา เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยียานยนต์โฟฟ้า สวทช. และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ (มจพ.)(มาบตาพูด) จึงได้ร่วมกันจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนา'เทคโนโลยียานยนตไฟฟ้า การพัฒนาทักษะความรู้ด้านยานยนต์ไฟฟ้า และการจัดการแบตเตอรี่อย่างยั่งยืนให้กับบุคลากรภาคการศึกษาและภาคอุตสาหกรรม' ดังกล่าวขึ้นมา.