ชาวบ้านตามแนวชายแดนหนีการสู้รบอพยพมาอยู่กับญาติในยโสธรกว่า 100 คน
ชาวบ้านตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ได้พากันอพยพหนีการสู้รบตามแนวชายแดนเข้าไปขอพักอาศัยอยู่กับญาติเป็นการชั่วคราวในพื้นที่อำเภอเมืองยโสธร จำนวนกว่า 100 คน เพื่อความปลอดภัยหลังจากมีกระสุนปืนใหญ่และลูกระเบิดตกลงในหมู่บ้านก่อนหน้านี้
วันที่ 27 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองยโสธร พร้อมด้วยฝ่ายปกครองอำเภอเมืองยโสธร และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่อำเภอเมืองยโสธร ได้ลงพื้นที่สำรวจความต้องการและดูแลความปลอดภัยให้กับชาวบ้านที่พากันอพยพมาจากพื้นที่ชายแดนไทย - กัมพูชา เพื่อมาพักอาศัยอยู่ญาติพี่น้องในพื้นที่ตำบลขุมเงิน ตำบลหนองคู ตำบลค้อเหนือ ตำบลเดิด และตำบลน้ำคำใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร เพื่อความปลอดภัย
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ชาวบ้านกลุ่มนี้ซึ่งมีบ้านพักอาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา และมีกระสุนปืนใหญ่และลูกระเบิดของทหารกัมพูชาตกลงมาในหมู่บ้านจำนวนหลายลูกจนชาวบ้านต้องพากันอพยพหนีออกจากหมู่บ้านไปหลบในที่ปลอดภัย ซึ่งบางส่วนได้พากันเข้าไปอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวที่ทางราชการจัดเตรียมเอาไว้ให้แต่ก็ยังมีอีกบางส่วนที่เลือกที่จะมาขอพักอาศัยอยู่กับญาติพี่น้องในจังหวัดยโสธร
โดยจากการสำรวจเบื้องต้นพบว่ามีชาวบ้านจากอำเภอน้ำยืน และอำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 39 คน ชาวบ้านจากอำเภอขุนหาญ, อำเภอกันทรลักษณ์ และอำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 28 ราย ชาวบ้านจากอำเภอสังขะ และอำเภอลำดวน จังหวัดสุรินทร์ จำนวน 24 ราย ชาวบ้านจากอำเภอบ้านกรวด, อำเภอประโคนชัย และอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 22 ราย รวมราษฎรอพยพมายังพื้นที่อำเภอเมืองยโสธร จังหวัดยโสธร 113 ราย (เป็นเด็ก 29 ราย และเป็นผู้สูงอายุ 20 ราย) อำเภอเมืองยโสธรได้ให้ปลัดอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่เข้าพบปะให้กำลังใจและให้ความช่วยเหลือราษฎรที่อพยพเข้ามาในพื้นที่ในเบื้องต้นแล้ว นอกจากนี้แล้วยังมีเพื่อนบ้านใกล้เคียงที่ได้นำข้าวสาร น้ำดื่ม หน่อไม้และพืชผักต่างๆที่มีอยู่ไปช่วยเหลือใช้ปรุงเป็นอาหารแล้ว