ไทยรุกฆาต! กวาดล้างคอลเซนเตอร์ เขมรมีหนาว! 196 ประเทศจับมือร่วมปราบ
ไทยเดินเกมรุก! ผนึก 196 ประเทศ กวาดล้างขบวนการคอลเซนเตอร์ข้ามชาติ
เมื่อทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดใจครั้งแรกถึงความสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้นลง กับสมเด็จฮุนเซน อันสืบเนื่องมาจากคลิปเสียงสนทนา กับ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จนส่งผลให้นางสาวแพทองธารเสียหลัก ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว จากคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ
โดยนายทักษิณ ตั้งข้อสังเกตว่า ปัญหาน่าจะเกิดจากที่ฝ่ายไทย พยายามแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์ และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ทำให้กัมพูชาเสียผลประโยชน์
ในเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ที่มีเครือข่ายในกัมพูชา เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นโดยทางการไทยเดินหน้าลุยปราบปรามต่อเนื่องไม่สนใครจะสนิทกับใคร อย่างกรณีล่าสุด ตำรวจไซเบอร์ ทลายขบวนการคอลเซ็นเตอร์เครือข่าย “ก๊ก อาน” คนสนิทของสมเด็จฮุนเซน ผู้ทรงอิทธิพลในกัมพูชา โดยเข้าตรวจค้น 20 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการ และชลบุรี เจ้าหน้าที่สามารถยึดเงินสด 27 ล้านบาท รถยนต์หรู และเอกสารสำคัญ รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 1,100 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม และจะมีการยึดทรัพย์ต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ
สำหรับที่มาของการขอศาลออกหมายค้น หมายจับเครือข่าย "ก๊ก อาน" ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน หลายอย่างชัดเจน มากพอใช้ออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องในล็อตที่ 2 และการออกหมายจับ นายก๊ก อาน โดยย้ำว่ามีหลักฐานเชื่อมโยงจริง ๆ ตั้งแต่คดีของคุณ "ชาล็อต" นางงามชื่อดัง และคดีของยายหลาน ที่ถูกแก๊งเดียวกันหลอก โดยพฤติการณ์ขู่บังคับว่าเป็นตำรวจ DSI อ้างว่าเหยื่อเป็นผู้ต้องหาในคดี หากจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ต้องส่งเงินมาตรวจสอบได้ไหม นี่เป็น 1 ใน 3 คดีที่ตำรวจใช้เป็นพยานหลักฐาน ในการขอศาลฯ ออกหมายจับ นายก๊ก อาน คนสนิทของ "สมเด็จฯ ฮุน เซน"
ยังมีคดี หลอกแพทย์ในจังหวัดเชียงราย โอนเงินกว่า 30 ล้านบาท, คดีหลอกลงทุนกาสิโน 300 ล้านบาท คำให้การของคนที่ไปเป็น "บัญชีม้า" และข้อมูลจากสายลับ ชี้ชัดว่าแก๊งคอลเซนเตอร์ตั้งอยู่ในตึก 25 ชั้น, ตึก 18 ชั้น, อาคาร HISO, อาคาร Crown Casino เมืองปอยเปต กัมพูชา
โดยอาคาร Crown Casino "นายก๊ก อาน" ซื้อต่อกิจการนี้มาจากคนไทยที่ชื่อ "เฮียตือ" ฉะนั้นเมื่อมีพยานชี้เป้าว่า นี่คือที่ตั้งของแก๊งคอลเซนเตอร์ ก็เท่ากับมัดตัวชัดเจนว่า "นายก๊ก อาน" มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ จึงเป็นที่มาของการยื่นตำรวจสากล พิจารณาออกหมายแดง "นายก๊ก อาน"
ส่วนผลการตรวจค้น 19 จุด เจอหลักฐานหลายอย่าง เชื่อมโยงถึง "ลูก" ของนายก๊ก อาน ที่มีข่าวว่ามีการใช้บัตรประชาชนปลอม เพื่อเข้าครอบครองบ้านอย่างน้อย 15 หลัง เปิดให้ชาวจีน เข้าไปพักอาศัย รวมถึงทรัพย์สินต่างๆจำนวนมาก ที่จากการหารือกับ ปปง. เชื่อว่ามูลค่าทรัพย์สินเฉพาะ ที่เจอ เกิน 1 พันล้านบาท และที่ยังหาไม่เจอ ทรัพย์สินสกุลดิจิทัล และทรัพย์สินในต่างประเทศอีก ต้องขยายผลอายัดทรัพย์ทั้งหมด เพื่อนำมาเฉลี่ยคืนทรัพย์สินให้ผู้เสียหายต่อไป
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ข้อมูลและหลักฐานที่ใช้ในการขอหมายศาล มีความชัดเจน ทั้งจากการสืบสวนของตำรวจไทย และจากหน่วยงานสืบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ยืนยันว่า “ก๊ก อาน” เป็นเจ้าของอาคารหลายแห่งที่ใช้เป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในเมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา แม้ยังไม่สามารถจับกุมตัว ก๊ก อาน ได้ในประเทศไทย แต่ได้มีการประสานไปยังองค์การตำรวจสากล (INTERPOL) เพื่อขอออกหมายแดงไล่ล่าตัวอย่างเป็นทางการ โดยย้ำว่า ปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการจับกุม เพราะต้องแยกเรื่องคดีอาญาออกจากเรื่องทางการเมืองระหว่างประเทศ
ส่วนกระแสข่าวที่อ้างว่า ก๊ก อาน เป็นพลเมืองไทยและถือบัตรประชาชนไทยนั้น พล.ต.อ.ธัชชัย ระบุว่า เป็นข่าวปลอม โดยยืนยันว่า ก๊ก อาน ถือสัญชาติกัมพูชาเพียงชาติเดียว ไม่มีสัญชาติไทย และไม่ใช่บุคคลสองสัญชาติ
สำหรับประเด็นความเชื่อมโยงกับผู้มีอำนาจในกัมพูชา พล.ต.อ.ธัชชัย ระบุว่า แม้จะไม่สามารถยืนยันความสัมพันธ์กับผู้นำระดับสูงของกัมพูชาได้ แต่ทราบแน่ชัดว่า ก๊ก อาน เป็นนักธุรกิจที่มีตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.)และเป็นเจ้าของอาคารที่ใช้เป็นฐานปฏิบัติการ ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลายแห่งในเมืองปอยเปต
ในส่วนของประเทศไทย ขณะนี้ยังไม่พบความเชื่อมโยงของ ก๊ก อาน กับนักการเมืองหรือข้าราชการไทย แต่ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผล โดยเฉพาะจากหลักฐานที่ยึดได้ ทั้งบัญชีธนาคาร โทรศัพท์มือถือ และเอกสารต่าง ๆ ซึ่งจะใช้ในการไล่เช็กเส้นทางการเงินและผู้เกี่ยวข้อง โดยได้สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์ เร่งดำเนินการให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ เพื่อป้องกันการหลบหนีและเคลื่อนย้ายทรัพย์สิน
นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับบริษัท "ฮุยวัน กรุ๊ป" ซึ่งเป็นบริษัทแลกเปลี่ยนเงินคริปโตในกัมพูชา ที่ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และถูกทางการสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำ ล่าสุด ได้มีการหารือร่วมกับ INTERPOL เพื่อวางแผนปราบปรามขบวนการฟอกเงินผ่านบริษัท ลักษณะเดียวกันอีกหลายแห่งในกัมพูชา โดยมี 196 ประเทศร่วมมือกันอย่างจริงจัง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews