โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

“กองทัพ”ขู่เขมรตอบโต้เด็ดขาด

สยามรัฐ

อัพเดต 18 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 18 ชั่วโมงที่ผ่านมา

“กองทัพไทย” ผิดหวัง “รัฐบาลกัมพูชา” เมินข้อตกลง-บิดเบือนข้อมูล ยิงไทยไม่หยุด ซัด “กองทัพกัมพูชา” ภัยคุกคาม ไร้ศักดิ์ศรีชายชาติทหาร ส่วน “กองทัพ” ลั่นพร้อมตอบโต้ขั้นเด็ดขาด ยัน“กัมพูชา”ยิงใส่ไทย 3 จุด พื้นที่ชายแดน ศรีสะเกษ ด้าน “บัวแก้ว” ออกแถลงการณ์ซัด “เขมร” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง หลังยังโจมตี “ภูมะเขือ” ต่อเนื่อง “ผบ.ทอ.” ยัน พบโดรนผิดปกติ เหนือกองบิน 21 สั่ง ทอ.เปิดปฎิบัติการ Anti Drone ยิงตก เบื้องต้นไม่พบกล้องสอดแนม-อาวุธ

เมื่อวันที่ 30 ก.ค.68 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ออกมาแสดงความผิดหวังต่อคำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศ และความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา ที่ออกแถลงการณ์เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยชี้แจงและแสดงจุดยืนต่อกรณีดังกล่าว ดังนี้ 1. ประเทศไทยยึดถือข้อเท็จจริง และไม่กล่าวหาโดยไร้หลักฐาน จากข้อมูลที่กองทัพไทยเปิดเผยต่อสาธารณชน ในการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา โดยยืนยันว่าทหารกัมพูชาได้เปิดฉากการยิงเข้ามายังที่มั่นทหารไทยบริเวณภูมะเขือ และช่องอานม้า เมื่อวันที่ 29 ก.ค.68 เวลา 21.30 น. นั้น มิได้เกิดจากการกล่าวหาโดยปราศจากมูล หากแต่ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่หน้าแนวการวางกำลังของทหาร ซึ่งได้รับการตรวจสอบโดยหลายหน่วยงาน มีบันทึกเหตุการณ์ การสื่อสาร และพยานแวดล้อมที่ยืนยันชัดเจน การที่ฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธข้อเท็จจริงดังกล่าว มิใช่เพียงการเพิกเฉยต่อหลักฐานที่ปรากฏ แต่ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นของกลไกสันติภาพในเวทีโลก ทั้งนี้ กองทัพไทยพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อกลไกผู้สังเกตการณ์ที่เป็นกลาง และยืนยันข้อเท็จจริงบนหลักฐานที่ตรวจสอบได้ เพื่อพิสูจน์ให้ประชาคมโลกเห็นว่า กองทัพไทยปฏิบัติตามคำมั่นอย่างเคร่งครัด "ไม่ใช่แค่ออกมาพูดว่า "มุ่งมั่นและแน่วแน่" แต่พิสูจน์ได้ด้วยการกระทำ

2. พฤติกรรมของทหารกัมพูชาสะท้อนปัญหาภายในกองทัพตนเอง การที่ทหารกัมพูชาบางหน่วยยังคงใช้อาวุธหลังการหยุดยิง สะท้อนความไร้ประสิทธิภาพของการบังคับบัญชา และภาวะขาดวินัยในหมู่ทหารระดับผู้ปฏิบัติการ โดยการออกมาปฏิเสธความรับผิดชอบของรัฐบาลกัมพูชา ตอกย้ำว่า กองทัพกัมพูชาไม่สามารถควบคุมกำลังพลของตนเองได้ เข้าข่ายภาวะ “ล้มเหลวในการบังคับบัญชา” หมายความได้ว่า ณ ปัจจุบัน ระบบการบังคับบัญชาภายในกองทัพกัมพูชาขาดประสิทธิภาพ ผู้นำไม่สามารถควบคุมกำลังพลของตนเองได้ หรือหากเลวร้ายกว่านั้น อาจเป็นการที่มีผู้มีเจตนาปล่อยให้เกิดความรุนแรงเพื่อหวังผลทางการเมืองบางประการ 3. ไทยยืนยันเจตนารมณ์สันติภาพ โดยเปิดรับการตรวจสอบจากกลไกที่เป็นกลาง โดยกองทัพไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับกลไกระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ ทั้งในด้านการตรวจสอบข้อเท็จจริง การเข้าถึงพื้นที่ และการเปิดเผยข้อมูล โดยไม่มีสิ่งใดต้องปกปิด โดยฝ่ายไทยมั่นใจในความโปร่งใสของตนเอง และเชื่อมั่นว่าความจริงจะเป็นเครื่องยืนยันถึงความรับผิดชอบและความตั้งใจที่แท้จริง

4. เรียกร้องให้กัมพูชาทบทวนตนเอง โดยหยุดกล่าวหาผู้อื่นโดยไม่แก้ปัญหาภายใน ก่อนที่รัฐบาลกัมพูชาจะกล่าวหาประเทศอื่นว่าบิดเบือนความจริง ควรหันกลับไปตรวจสอบตนเอง ว่าเหตุใดคำสั่งหยุดยิงจึงไม่สามารถหยุดเสียงปืนในแนวหน้าได้ หากไม่สามารถควบคุมทหารให้ยุติการสู้รบหลังคำสั่งหยุดยิงได้ ย่อมหมายความว่า รัฐบาลขาดอำนาจในการควบคุมบังคับบัญชากองทัพของตนเองอย่างสิ้นเชิง และการที่กองทัพกัมพูชาไม่สามารถสั่งการให้หยุดยิงได้ หมายถึงความอ่อนแอและไร้เสถียรภาพของกองทัพ นำไปสู่ความไร้ศักดิ์ศรีของการเป็นชายชาติทหาร จึงขอเรียกร้องให้สังคมโลกประณามและจับตามองว่ากองทัพกัมพูชาเป็นกองทัพที่สร้างภัยคุกคามทั้งต่อภูมิภาคและประชาคมโลก 5. สุดท้ายเหตุการณ์ที่ทหารกัมพูชาใช้อาวุธประจำกายและอาวุธประจำหน่วยขนาดเล็กยิงเข้ามายังที่มั่นทหารไทยเมื่อคืนนี้ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ทหารกัมพูชาในแนวหน้าถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพังในพื้นที่ห่างไกลโดยขาดการดูแล ส่งกำลังบำรุง จากกองทัพ โดยมีทหารกัมพูชาหลายนาย ยอมวางอาวุธและเข้ามอบตัวต่อทหารไทยในเวลาต่อมา

พฤติกรรมดังกล่าว มิใช่แค่ละเมิดคำสั่ง แต่ยังสะท้อน “สัญญาณอันตราย” ว่ากองทัพกัมพูชาขาดความสามารถในการจัดการกำลังพลในยามวิกฤต ในขณะที่รัฐบาลกัมพูชากล่าวอ้างถึง “ความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่” เพื่อสันติภาพในทุกบรรทัดของแถลงการณ์

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ชี้ให้เห็นว่าเป็นการปฏิบัติที่ไม่ได้หวังผลทางยุทธวิธี แต่เป็นการ “เรียกร้อง” จากความรู้สึกถูกทอดทิ้ง ไม่มีเสบียง ไม่มีการหมุนเวียนกำลัง และขาดสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานในการดำรงชีพ สะท้อนว่ากองทัพกัมพูชาคือระบบอำนาจนิยมที่สร้างจากความหวาดกลัวและไร้มนุษยธรรม

กองทัพไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาและกองทัพกัมพูชา “หันกลับไปดูแลทหารของตัวเอง” ก่อนที่จะกล่าวหาใคร ๆ ว่าบิดเบือนความจริง พฤติกรรมการแสดงออกที่เกิดขึ้น แสดงว่าพวกเขาเหนื่อยล้า หวาดกลัว หิวโหย และต้องการให้ “ผู้บังคับบัญชาของตนดูแลและแสดงความรับผิดชอบ” มากกว่าออกมาแก้ตัว และโกหกซ้ำซาก

กองทัพไทย ขอยืนยันอีกครั้งว่า ประเทศไทยมุ่งมั่นต่อกระบวนการสันติภาพโดยแท้จริง พร้อมดำเนินการอย่างโปร่งใส มีวินัย และยึดมั่นในพันธสัญญาที่ให้ไว้ต่อประชาคมระหว่างประเทศ ขอเรียกร้องให้กัมพูชากลับมาทบทวนตนเองอย่างจริงจัง และยุติพฤติกรรมการปฏิเสธความจริง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นฟูสันติภาพอย่างยั่งยืน

ด้าน กองทัพบก ออกแถลงการณ์เรื่อง การละเมิดข้อตกลงหยุดยิงโดยกองทัพกัมพูชา โดยมีรายละเอียดว่า ตามที่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการประกาศหยุดยิง เพื่อยุติการปะทะทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น.ของวันที่ 28 ก.ค.68นั้น

กองทัพบกขอยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด โดยได้ระงับการใช้กำลังทุกรูปแบบ และลดกิจกรรมทางทหารในพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งสันติภาพ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความร่วมมือที่สร้างสรรค์ระหว่างทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตาม กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า ในวันที่ 29 ถึงวันที่ 30 ก.ค.68 กองทัพกัมพูชาได้กระทำการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. พื้นที่ช่องคานม้า จังหวัดศรีสะเกษ ในวันที่ 29 ก.ค.68 เวลา 21.30 น. กองทัพกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กยิงเข้าใส่แนวกำลังฝ่ายไทย เป็นเหตุให้เกิดการปะทะจนถึงเวลา 22.00 น. จึงยุติ 2. พื้นที่เขาพระวิหาร บริเวณภูมะเขือและห้วยตามาเรีย จังหวัดศรีสะเกษ ในวันที่ 29 ก.ค.68 ตั้งแต่เวลา 22.00 น.กองทัพกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กยิงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับใช้อาวุธยิงสนับสนุนประเภทเครื่องยิงลูกระเบิด ฝ่ายไทยจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิตามหลักสากลในการตอบโต้เพื่อป้องกันตนเอง การยิงจากฝ่ายกัมพูชายังคงเกิดขึ้นเป็นระยะจนถึงช่วงเช้า วันที่ 30 ก.ค.68 ,3. พื้นที่ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ ในวันที่ 30 ก.ค.68 เวลา 05.17 น. ตรวจพบการยิงเครื่องยิงลูกระเบิดจากฝั่งกัมพูชา เข้ามาในเขตแดนประเทศไทยอย่างชัดเจน

“การกระทำของกองทัพกัมพูชาในครั้งนี้ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างร้ายแรง นับเป็นครั้งที่สองภายหลังจากที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ และสะท้อนถึงพฤติกรรมที่ไม่เคารพต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ ตลอดจนเป็นการบ่อนทำลายความพยายามในการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความไว้วางใจที่ควรมีระหว่างสองประเทศ”

กองทัพบกขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบของกองทัพกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และขอแจ้งให้ทราบว่า ฝ่ายไทยจะยังคงดำรงตนอยู่บนหลักแห่งความอดกลั้น สันติภาพ และมนุษยธรรมอย่างสูงสุด อย่างไรก็ดี หากมีการละเมิดต่อเนื่อง กองทัพบกจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมและจำเป็นอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยโดยไม่ละเว้น จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

ทางด้าน กระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ เรื่อง การละเมิดข้อตกลงหยุดยิงโดยกองกำลังกัมพูชา โดยระบุว่า ในช่วงค่ำของวันที่ 29 ก.ค. 68 กองกำลังกัมพูชาโจมตีไทยด้วยอาวุธปืนขนาดเล็กและระเบิดมือในพื้นที่ภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ ต่อเนื่องจนถึงเช้าวันที่ 30 ก.ค. 68 เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการโจมตีหลังจากทั้งสองฝ่ายมีข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้เมื่อเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา

โดยการกระทำดังกล่าวถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงโดยกองกำลังของกัมพูชา และแสดงให้เห็นถึงการขาดเจตนารมณ์ที่ดีอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ ไทยขอย้ำความมุ่งมั่นในการยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มที่ ตลอดจนการแก้ไขสถานการณ์ปัจจุบันด้วยสันติวิธี และขอเรียกร้องให้กัมพูชายุติการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงทุกรูปแบบโดยทันที และกลับมาปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างครบถ้วน

ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหาอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวถึงกรณี ที่มีกระแสข่าวว่ามีโดรนจำนวนมาก พยายามเข้ามาในพื้นที่กองบิน 21 จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ยอมรับว่ามีโดรนมาบินใกล้กองบิน 21 จังหวัดอุบลราชธานี จริงแล้วก็ยังมีอีกหลายที่เท่าที่พบ ขณะนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และกองทัพอากาศ ก็ได้มี ระบบการตรวจจับอากาศยานไร้คนขับ (Anti Drone ) แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีการโจมตีเข้ามา ที่กองบิน 21 แต่อย่างใดส่วนจะเป็นโดนสอดแนมหรือไม่นั้น เท่าที่ดูไม่มีกล้องถ่ายและไม่ได้ตั้งติดอะไรเพิ่ม

เมื่อถามว่ามาในลักษณะนี้เหมือนต้องการมาป่วนสถานการณ์หรือไม่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี กล่าวว่า ขณะนี้กำลังดูสาเหตุอยู่

เมื่อถามว่าโดรนที่บินที่กองบิน 21 และกองบินอื่นๆ มีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี กล่าวว่า ที่อื่นๆก็มี และพื้นที่กรุงเทพ ก็มีโดรนผิดปกติเยอะเช่นกัน แต่ขณะนี้ยังตรวจสอบไม่ได้ เพราะอาจจะเป็นโดรนปกติก็ได้ ขอยืนยันว่ากองทัพอากาศ จะดูแลอย่างเต็มที่ไม่ต้องเป็นห่วง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สยามรัฐ

พรุ่งนี้! รัฐบาลพาทูต-สื่อฯ ลงพื้นที่ชายแดนศรีสะเกษ - อุบลราชธานี สื่อสารให้ประชาคมโลกเห็นข้อเท็จจริง

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เปิดกำหนดการคณะทูต-สื่อต่างชาติ ลงพื้นที่กัมพูชาโจมตีพลเรือนไทย

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"รองนายกฯ ประเสริฐ"ลงพื้นที่สุโขทัย กำชับกรมชลประทานเดินหน้ารับมือฝนปลายฤดูในลุ่มน้ำยม–น่าน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าโลก! แม่เต่ากระ "แม่พรพนา" ขึ้นวางไข่รังที่ 13 ที่เกาะทะลุ อช.อ่าวสยาม

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม