SCB EIC ชี้ส่งออก ก.ค. ยังขยายตัวสูง 7 เดือนแรกออกมาดีกว่าคาดต่อเนื่อง ปรับเป้าส่งออกไทยปีนี้โต 3%
BTimes
อัพเดต 26 สิงหาคม 2568 เวลา 18.57 น. • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • อัพเดตข่าวหุ้น ธุรกิจ การเงิน การลงทุน การตลาด การค้า สุขภาพ กับ บัญชา ชุมชัยเวทย์ - BTimes.Bizศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC เปิดเผยว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าไทยเดือน ก.ค. 2025 ยังขยายตัวสูง 11% มูลค่า 28,580.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐชะลอลงบ้างจาก 15.5%YOY ในเดือนก่อน แต่ชะลอตัวน้อยกว่าที่ประเมินไว้ โดย SCB EIC ประเมิน 8.1% และค่ากลาง Reuter Poll 9.6% และข้อมูลส่งออกแบบปรับฤดูกาลหดตัว -1.6%MOM_SA จากเดือนก่อน (ต่อเนื่องจากการหดตัว -1%MOM_SA ในเดือนก่อน) ภาพรวมมูลค่าส่งออกไทยช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ยังขยายตัวสูงที่ 14.4%
โดยการส่งออกเดือนนี้ยังได้รับแรงส่งจากการส่งออกไปสหรัฐฯ และส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไปหลายตลาด จากการเร่งส่งออกไปสหรัฐฯ ก่อนได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษีเต็มที่ในเดือน ส.ค. การส่งออกไปสหรัฐฯ ขยายตัวสูง 31.4% แม้ชะลอจาก 41.9% ในเดือนก่อน โดยขยายตัวได้ดีใน 14 จาก 15 กลุ่มสินค้าสำคัญที่ส่งออกไปสหรัฐฯ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์หลักที่ยังไม่ถูกเก็บภาษีเจาะจงรายสินค้าที่สหรัฐฯ อาจประกาศเพิ่มเติม ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบขยายตัว 84.9% เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 24.4% แผงวงจรไฟฟ้า 45.2% นอกจากนี้ ไทยยังส่งออกทองคำไปสหรัฐฯ ได้มากถึง 161.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับเดือนก่อนที่ 0.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดี รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบซึ่งเป็นสินค้าสำคัญที่ถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีเฉพาะเจาะจงรายสินค้าในอัตรา 25% ไปแล้ว หดตัวมากถึง -26.7% รุนแรงกว่า -2.6% ในเดือนก่อนมาก ทั้งนี้ การส่งออกไปสหรัฐฯ มีส่วนช่วยให้การส่งออกไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น (CTG) 5.8% กว่าครึ่งหนึ่งของการเติบโตส่งออกรวม 11%
รวมทั้งการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์หลายชนิดยังขยายตัวได้ดี เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สินค้ากลุ่มนี้ขยายตัวสูง 61% เพิ่มขึ้นจาก 57.7% ในเดือนก่อน โดยตลาดสหรัฐฯ และจีนชะลอตัวลงเหลือ 84.9% และ 38.2% ตามลำดับ จากขยายตัวสูงกว่า 118% และ 122.8% ในเดือนก่อนหน้า ขณะที่การส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ขยายตัวสูงมากในตลาดมาเลเซีย, อินเดีย และสิงคโปร์ที่ 238%, 180.5% และ 165.2% ตามลำดับ ในด้านส่งออกสินค้าแผงวงจรไฟฟ้าขยายตัวสูง 57.7% จาก 47.8% ในเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดไต้หวัน, ฮ่องกง และจีนที่ขยายตัว 291.2%, 78% และ 69.4% ซึ่งคิดเป็นกว่า 53% ของมูลค่าการส่งออกแผงวงจรไฟฟ้าทั้งหมดของไทยในเดือนนี้ (หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ และเครื่องส่งวิทยุ โทรเลข โทรศัพท์ โทรทัศน์ ก็ขยายตัวได้ดีเช่นกัน) ทั้งนี้การส่งออกกลุ่มนี้มีส่วนช่วยให้การส่งออกไทยเดือนนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น (CTG) 6.2% กว่าครึ่งหนึ่งของการเติบโตส่งออกรวม 11%
และการส่งออกสินค้าเกษตรขยายตัวสูง 21.5% จากการส่งออกผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ที่ขยายตัวกว่า 107.7% โดยเฉพาะในตลาดจีนขยายตัวสูงถึง 123.3% และคิดเป็นกว่า 92.1% ของมูลค่าการส่งออกผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้งทั้งหมด นอกจากนี้ เครื่องเทศและสมุนไพร และเนื้อและส่วนต่าง ๆ ของสัตว์ที่บริโภคได้ ก็ขยายตัวดีเช่นกันที่ 93.6% และ 84.6% ทั้งนี้การส่งออกผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้งมีส่วนช่วยให้การส่งออกไทยเดือนนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้น (CTG) 2.1% จากการเติบโตส่งออกรวม 11%
ขณะที่ มูลค่าการนำเข้าสินค้าเดือน ก.ค. อยู่ที่ 28,258.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 5.1% ชะลอลงจาก 13.1% ในเดือน มิ.ย. และ 18.0% ในเดือน พ.ค. ต่ำกว่าประมาณการ ซึ่ง SCB EIC ประเมิน 7.5% และค่ากลาง Reuter Poll 4.9% โดยดุลการค้า เดือนนี้เกินดุล 322.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สวนทางกับที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเริ่มขาดดุล รวม 7 เดือนแรกของปี 2025 ดุลการค้าสะสมเริ่มกลับมาเกินดุล 259.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สหรัฐฯ ประกาศภาษีนำเข้าตอบโต้อัตราใหม่ ไทยต่อรองลดอัตราภาษีลงมาได้เกือบครึ่งเหลือ 19% ปรับมุมมองให้ดีขึ้น ลดความเป็นไปได้ของ Worst case scenario ซึ่งในวันที่ 31 ก.ค. 2025 ทำเนียบขาวสหรัฐฯ ประกาศเก็บศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal tariff) อัตราใหม่กับ 72 ประเทศคู่ค้าทั่วโลกในช่วงอัตรา 10 – 50% (รวมภาษีเฉพาะเจาะจงรายประเทศ) มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. 2025 และสหรัฐฯ จะเก็บภาษี Transshipment เพิ่ม 40% สำหรับสินค้าผ่านแดน หรือ ภาษีนำเข้าสินค้าที่มีขั้นตอนการผลิตโดยใช้ Local content หรือ Regional value content ต่ำ (แต่รายละเอียดของภาษี Transshipment นี้ยังไม่ชัดเจนว่า สหรัฐฯ จะมีเกณฑ์พิจารณาจากสัดส่วน Local content หรือ Regional value content เท่าใดในขั้นตอนการผลิตและส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ) สำหรับประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในประกาศนี้จะถูกตั้งกำแพงภาษีในอัตราขั้นต่ำ 10%
ในภาพรวม สหรัฐฯ ประกาศภาษีตอบโต้อัตราใหม่รุนแรงน้อยลงจากที่เคยขู่ไว้ในช่วงเดือน ก.ค. ช่วยลดความน่าจะเป็นที่เศรษฐกิจโลกจะเกิดกรณีเลวร้าย โดย ตั้งกำแพงภาษีตอบโต้สินค้าไทยลดลงจากที่ขู่ไว้ 36% เหลือ 19% เกาะกลุ่มกับประเทศคู่แข่งในอาเซียน
โดยจากข้อมูลส่งออก 7 เดือนแรกของปีนี้ที่ออกมาดีกว่าคาดต่อเนื่อง SCB EIC จึงปรับประมาณการมูลค่าส่งออกไทยปีนี้จะขยายตัว 3.0% (เดิมมอง -0.1%) โดยมีสาเหตุหลักมาจาก นโยบายการค้าโลกที่มีความชัดเจนมากขึ้น ไทยสามารถต่อรองลดอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ลงมาได้เกือบครึ่งเหลือ 19%, การส่งออกไทยขยายตัวสูงถึง 14.4% ในช่วง 7 เดือนแรกจากการเร่งส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังคงได้รับการยกเว้นภาษีเฉพาะเจาะจงสินค้า , ปัจจัยส่งออกทองคำพิเศษไปอินเดียที่เป็นแรงหนุนหลักในช่วงไตรมาส 1 ของปีนี้ และ ปัจจัยฐานต่ำในช่วงครึ่งปีแรกในปี 2024 มุมมองของ SCB EIC สอดคล้องกับกระทรวงพาณิชย์ที่มองว่า มูลค่าส่งออกไทยจะเริ่มชะลอตัวในเดือน ส.ค. และมีมุมมองมูลค่าส่งออกไทยปีนี้ขยายตัวในช่วง 2-3% และมีความเป็นไปได้ที่ตัวเลขอาจสูงกว่านี้
อย่างไรก็ดี การส่งออกไทยในช่วงท้ายปี 2025 มีแนวโน้มหดตัวสูง โดยเฉพาะในไตรมาส 4 เนื่องจากส่งออกไทยยังเผชิญผลกระทบทางตรงและทางอ้อมจากภาษีนำเข้าสหรัฐฯ
สำหรับในปี 2026 SCB EIC ประเมินมูลค่าการส่งออกไทยมีแนวโน้มหดตัว -1.5% โดยเฉพาะช่วงครึ่งปีแรก จากปัจจัยฐานสูง รวมถึงหลายปัจจัยยังกดดันการส่งออกไทยต่อเนื่องจากช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยต้องจับตาความเสี่ยงด้านลบเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีนอาจกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังหมดช่วงลดกำแพงภาษีสูงชั่วคราว อาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงมากขึ้น การที่สหรัฐฯ เตรียมประกาศภาษีเฉพาะเจาะจงสินค้า (Product specific tariffs) อีกหลายรายการ หากสหรัฐฯ บังคับให้ใช้ Local content สูง อาจทำให้สินค้าไทยเสี่ยงถูกเก็บภาษี Transshipment 40% กระทบการส่งออกไทยรุนแรงขึ้น
เงินบาทอาจมีแนวโน้มแข็งค่าสูงเทียบคู่แข่งในภูมิภาค ในช่วงที่ผ่านมาเงินบาทไทยแข็งค่าขึ้นมาก ดัชนีค่าเงินบาท (ณ วันที่ 22 ส.ค.) แข็งค่าขึ้น 6.6%YOY ขณะที่ค่าเงินของจีน, ฟิลิปปินส์, เกาหลีใต้, อินเดียและเวียดนามอ่อนค่าลง อาจซ้ำเติมความสามารถในการแข่งขันของการส่งออกไทยในช่วงที่จะต้องเผชิญกำแพงภาษีสหรัฐฯ
ตลอดจน ความขัดแย้งชายแดน ไทย-กัมพูชาอาจยืดเยื้อและรุนแรงขึ้น อาจส่งผลลบต่อการส่งออกไทยมากขึ้นในบางอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์ แม้ภาคส่งออกไทยจะพึ่งพาการส่งออกไปกัมพูชาค่อนข้างต่ำสัดส่วนเพียง 3.4% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดในปี 2024 และมีผลกระทบค่อนข้างจำกัดในปัจจุบัน ส่วนใหญ่กระทบการส่งออกสินค้าชิ้นส่วนจักรยานยนต์และพาหนะที่ไม่ใช่ยานยนต์ (กัมพูชาเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของชิ้นส่วนจักรยานยนต์ และ อันดับ 2 พาหนะที่ไม่ใช่ยานยนต์ เช่น รถลาก) อย่างไรก็ดี การส่งออกกลุ่มยานยนต์โดยรวมไปกัมพูชามีสัดส่วนไม่มากคิดเป็น 1% ของการส่งออกยานยนต์ไทยทั้งหมด