ต่างชาติทุนเทาตีตลาดไทย ตัดราคาไม่เป็นธรรม สศช.แนะแนวทางคุมเข้ม
วันที่ 25 ส.ค. น.ส.วรวรรณ พลิคามิน รองเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า สศช. ร่วมกับบริษัทศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ จำกัด สำรวจผู้ประกอบการไทยต่อการเข้ามาลงทุนของต่างชาติ พบว่า ผู้ประกอบการไทยมองว่าทุนต่างชาติเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย และดำเนินการเน้นแบบผูกขาด โดยผู้ประกอบการ 81.5% เห็นว่าธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารของต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากโควิด และกว่าครึ่งมองว่าทุนต่างชาติที่เข้ามาอย่างผิดกฎหมาย เช่น นอมินีใช้กลยุทธ์การขายตัดราคา หรือจัดโปรโมชันพิเศษเป็นประจำ มีการร่วมมือกับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพื่อผูกขาดลูกค้า จึงทำให้ผู้ประกอบการกว่า 68% เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม
ขณะที่ผู้ประกอบการไทยกว่าครึ่งที่ได้รับผลกระทบ เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดย่อม มากกว่ารายย่อย โดยธุรกิจไทยต้องสูญเสียลูกค้าให้กับธุรกิจต่างชาติและสูญเสีย ส่วนแบ่งการตลาดไป ทั้งนี้ 1 ใน 3 ของผู้ประกอบการไทยต้องเจอกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากค่าสิ่งของ อุปกรณ์ วัตถุดิบ และค่าแรง ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่จะขาดทุนเพิ่มขึ้นและเริ่มมีปัญหาในการชำระหนี้ รวมทั้งมากกว่า 1 ใน 3 ของธุรกิจไทยไม่แน่ใจว่าจะอยู่รอดได้
ขณะเดียวกันผู้ประกอบการยังมองว่า ธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาทำให้อัตลักษณ์ของพื้นที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนสาธารณูปโภค ขยะ มลพิษ กลิ่น รวมถึงอาจนำปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น การทะเลาะวิวาทและยาเสพติด อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการที่พักแรมและร้านอาหาร 25.2% เห็นว่าการเข้ามาของธุรกิจต่างชาติส่งผลดีต่อธุรกิจ จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและเป็นแรงกระตุ้นให้พัฒนาธุรกิจของตนเอง
สำหรับข้อเสนอแนะโดยการกำกับดูแลการลงทุนและการดำเนินธุรกิจของชาวต่างชาติ อาจพิจารณาให้การจดทะเบียนนิติบุคคลของต่างชาติต้องดำเนินการผ่านบริษัทรับจดทะเบียน รวมถึงให้ธุรกิจทุกประเภทต้องรายงานผู้รับประโยชน์ที่แท้จริง ตลอดจนต้องมีการตรวจสอบรายชื่อกรรมการหรือผู้ถือหุ้นและทำเลที่ตั้งที่ใช้ใน การจดทะเบียนอย่างเข้มงวด และมีการจำกัดสัดส่วนการลงทุนหรือการถือหุ้นโดยแบ่งตามขนาดกิจการ และต้องมีการตรวจสอบที่เข้มงวด ต่อเนื่อง ครอบคลุมธุรกิจทุกขนาด รวมถึงอาจพิจารณาให้มีการเชื่อมโยงข้อมูลผู้รับประโยชน์ที่แท้จริงแก่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และพัฒนาช่องทางการรับแจ้งเบาะแส
นอกจากนี้ต้องสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ด้านเงินทุนเพื่อเริ่มต้น ปรับปรุง และต่อยอด ธุรกิจ โดยอาจต้องผ่อนปรนเงื่อนไขบางประการ รวมถึงพัฒนาแหล่งเงินทุนใหม่ ๆ, การพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ ด้านการตลาดและการบริหารการเงิน จัดทำหลักสูตรหรือจัดตั้งศูนย์ดูแลธุรกิจตลอดวงจร อบรมให้ความรู้และคำปรึกษาเกี่ยวกับการบริหารการเงิน การบัญชี และภาษี, การส่งเสริมการรวมกลุ่มของสมาคมผู้ประกอบการ และจับคู่ธุรกิจ ตลอดวงจรการท่องเที่ยว และการประชาสัมพันธ์มาตรการของภาครัฐ โดยยกระดับการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าใจประโยชน์และเงื่อนไขของโครงการหรือมาตการ ตลอดจนสามารถติดตามวิธีการหรือขั้นตอนการสมัครได้อย่างสะดวก