1 เดือน หลังศึกยึดมหาดไทย รุกปมเขากระโดง-รื้อใหญ่ผู้ว่าฯน้ำเงิน
คอลัมน์ : Politics policy people forum
ครบ 1 เดือน ที่พรรคเพื่อไทย แตกหักกับพรรคภูมิใจไทย ยึดกระทรวงมหาดไทยมาอยู่ในการครอบครอง
โดยมี “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รับหน้าที่รองนายกรัฐมนตรี ควบรหัส มท.1 รมว.มหาดไทย และอีกสถานะในขณะนี้คือ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ที่มีอำนาจเต็ม
ธงของการยึดกระทรวงมหาดไทย ตั้งอยู่บนสมมุติฐานทางการเมือง ที่เชื่อว่า กระทรวงมหาดไทยในยุค “ภูมิใจไทย” ที่ครอบครองเก้าอี้ตัวนี้อยู่เกือบ 2 ปี ขวางการทำงานรัฐบาล ทำให้ผลงานของรัฐบาลเพื่อไทย ไม่คืบหน้า
ทั้งการปราบปรามยาเสพติด ทั้งการแก้หนี้ครัวเรือน รวมถึงนโยบายอื่น ๆ ส่วนสำคัญคือ กลไกผู้ว่าราชการจังหวัด กลไกปกครอง ไม่ทำงานเป็นทีมร่วมกับรัฐบาล แถมงบฯท้องถิ่น ยังกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่การเมืองฝ่ายสีน้ำเงิน
จับทัพรับศึกการเมือง
1 เดือน ที่ “ภูมิธรรม” เข้ามานั่งเก้าอี้บริหารกระทรวง กระทรวงมหาดไทย มีการย้าย 3 อธิบดี
คือ “ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์” อดีตอธิบดีกรมการปกครอง และ “นฤชา โฆษาศิวิไลซ์” อดีตอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เติบโตในถิ่นอีสานใต้เช่นกัน เป็นผู้ว่าฯบุรีรัมย์ ทั้งสองเข้าไลน์เป็นอธิบดี ในยุคอนุทิน ชาญวีรกูล เป็น มท.1 ทั้ง 2 ถูกย้ายไปเป็น ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
คนที่เข้ามาแทน “นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร” ผู้ว่าฯเชียงใหม่ มานั่งเป็นอธิบดีกรมการปกครอง ขณะที่ “ร.ต.ท.ภพชนก ชลานุเคราะห์” ผู้ว่าฯเพชรบุรี ขยับเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
คนที่ 3 คือ พรพจน์ เพ็ญพาส ที่ขอย้ายตัวเองออกจากอธิบดีกรมที่ดิน จึงปรากฏข่าวว่า “เชษฐา โมสิกรัตน์” รองปลัดมหาดไทย จะมานั่งเก้าอี้ตัวนี้แทน
ส่วนการโยกย้ายผู้ว่าฯ ลอตใหม่ ครั้งใหม่ จึงเป็นการปรับองคาพยพของกลไก “ปกครอง” เพื่อนำไปสู่การปูฐานทางการเมือง รับเกมยุบสภาในวันข้างหน้า เหมือนเป็นการ “วางหมาก” ต้องย้ายผู้ว่าฯ สลับในจุดยุทธศาสตร์ทางการเมืองที่สำคัญ และชอตต่อไป ดันรองผู้ว่าฯขึ้นมานั่งแทน ก่อนที่ในเดือนตุลาคม จะมีการปรับทัพ “นายอำเภอ” อีกกลไกสำคัญของหน่วยปกครอง
สางที่ดินเขากระโดง
ขณะที่อีกหนึ่งปมร้อนในรอบ 1 เดือน คือ การแก้ปัญหาเรื่องที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ ที่เป็นทั้งสนามแข่งรถ และสนามฟุตบอล ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาเมื่อปี 2561 ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินของการรถไฟฯ ไม่สามารถออกโฉนดได้
“ภูมิธรรม” ที่เข้ามาสวมบท มท.1 ได้เข้ามาสางปัญหาทันที โดยระบุว่าได้รับการร้องเรียนและถูกสื่อมวลชนถาม ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีก 1 ชุด และมีมติว่าอธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจเพิกถอนโฉนดเขากระโดง ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 61 วรรค 8 แต่ปรากฏว่า นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน ยื่นใบขอย้ายออกจากกรมที่ดิน จึงต้องตั้งอธิบดีที่ดิน “คนใหม่” เข้ามาเพิกถอน
“ภูมิธรรม” กล่าวว่า “ต้องทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริง สามารถพิสูจน์ทราบว่าที่ดินแปลงนี้เป็นที่ดินของรัฐมาตั้งแต่ต้น ตามกฎหมายให้ทำอย่างไร เราก็ทำตามกฎหมาย”
ยืนยันว่าที่ดินเขากระโดงกับที่ดินอัลไพน์จะใช้มาตรฐานเดียวกัน มีการตรวจสอบในลักษณะเดียวกัน ไม่มียกเว้น
“ศาลสั่งอย่างไรต้องไปดำเนินการตามนั้น ถ้าหากยังไม่มีการดำเนินการก็ต้องกลับมาทบทวน ไม่ต้องห่วง ตนให้ความเป็นธรรม อะไรที่เป็นเรื่องค้างคา ก็จะจัดการให้”
แก้ปมงบฯกระจุกตัว
อีกเรื่องหนึ่ง 15 กรกฎาคม 2568 ในการประชุมคณะรัฐมนตรี เดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ทักท้วงงบฯกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลกันไว้แก้ปัญหาภาษีนำเข้าสหรัฐ 1.57 แสนล้าน นั้นมีงบฯที่ “ท้องถิ่น” ทำเรื่องของบประมาณ ปรากฏว่าไปกระจุกตัวอยู่ท้องถิ่นบางจังหวัด
16 กรกฎาคม 2568 ภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ตนดำเนินการจัดการแก้ปัญหาในกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพราะที่ผ่านมา 2-3 ปี มีการปรับงบประมาณท้องถิ่นอย่างที่มีการกระจุกตัวและมีปัญหาค่อนข้างมาก ซึ่งตนได้รับการร้องเรียนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยหลายคนมาขอเข้าพบ และได้พูดว่ามีหลายเรื่อง เช่น บาง อบต., อบจ. ขออะไรไม่เคยได้เลย บางที่ขอมาได้ 1-3 ล้านบาท แต่ได้ยินมาว่าแถว ๆ พื้นที่บุรีรัมย์ สุรินทร์ ได้เพิ่มขึ้นจากที่เคยได้เป็นร้อย ๆ ล้านบาท บางแห่งได้ถึง 700 ล้านบาท ต้องดูว่าที่ตัดสินใจเช่นนั้นอยู่บนฐานอะไร
ภูมิธรรมขู่ว่า ในงบฯ 68-69 จะไม่ยอมให้งบฯกระจุกตัว แต่การกระจายงบฯไปยังพื้นที่ต่าง ๆ จะดีขึ้น
เทกแอ็กชั่นปราบยา
อีกเรื่องที่ภูมิธรรม ตั้งใจนำเสนอคือ การปราบปรามยาเสพติด เป็นนโยบายแรกที่เขาขันนอตทั้งผู้ว่าฯ ในฐานะฝ่ายปกครอง และกลไกตำรวจ อย่างผู้บังคับการจังหวัด
“ภูมิธรรม” แถลงผลงานของรัฐบาล การปราบปรามยาเสพติดในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2567-30 กรกฎาคม 2568 ได้ดำเนินคดีมากกว่า 210,000 คดี จับกุมผู้ต้องหากว่า 211,000 ราย ตรวจยึดยาบ้ากว่า 851 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 41 ตัน เฮโรอีน 1.2 ตัน และเคตามีนกว่า 5 ตัน อายัดทรัพย์สินจากขบวนการค้ายาเสพติดกว่า 12,000 ล้านบาท
ตั้งทีมทลายไซโล มท.
ภูมิธรรมกล่าวถึงการทำงานที่มหาดไทยครบ 1 เดือนว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการปกติ เรามีนโยบายที่เราทำหลายเรื่อง วันที่ 7 สิงหาคม จะมีการประชุมผู้ว่าฯ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต้องขยับ กำลังจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาประมาณ 8 ชุด เพื่อผลักดันเรื่องต่าง ๆ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจฐานราก ยาเสพติด และอีกหลาย ๆ เรื่อง เพราะตอนนี้กลไกต่าง ๆ ขับเคลื่อนได้ พยายามจะทำให้มีลักษณะผสมผสานกัน เ
พราะขณะนี้ในแต่ละกรมมีลักษณะเป็นไซโลอยู่ อยากจะประสานงานโดยใช้กลไกคณะทำงาน เพื่อประสานกลุ่มต่าง ๆ ในมหาดไทย ให้ทุกคนขับเคลื่อนกลไก อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีท้องถิ่นก็เริ่มดำเนินการในกระบวนการต่าง ๆ ก็มีการปรึกษาหารือกัน
ภาพยังจ้องล้างแค้น
ทว่าในมุม “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” รองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะฝ่ายค้าน มอง 1 เดือนกระทรวงมหาดไทยภายใต้การกำกับของพรรคเพื่อไทยว่า ยังไม่มีอะไรเป็นรูปเป็นร่าง ยังมะงุมมะงาหราเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนทางการเมือง โดยเฉพาะจัดโผ โยกย้ายผู้ว่าฯ อธิบดี เป็นการเอาคืนทางการเมืองอย่างเดียว เขากระโดงจะถูกจะผิดว่าตามกฎหมาย แต่ภาพลักษณ์ที่ออกมา เหมือนกับจ้องแต่จะเอาคืนทางการเมืองอย่างเดียว ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน
มีประเด็นไหวตัวขึ้นมาบ้าง แก้ปัญหายาเสพติดเห็นร่องรอยความจริงจังในการแก้ปัญหา แต่หัวใจที่จะใช้ในการทำลายขบวนการค้ายาเสพติดก็คือ กลไกยึดทรัพย์ ปัจจุบันเทคโนโลยีในการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก็ล้ำหน้าไปกว่ายุคไทยรักไทยค่อนข้างมาก แต่ปรากฏว่ายังไม่เห็นการใช้กลไกใช้ประสิทธิภาพจัดการปัญหายาเสพติด
ขณะที่ฐานปฏิบัติการก่ออาชญากรรม ยาเสพติด การค้ามนุษย์ พนันออนไลน์ แก๊งคอล ล้วนมีฐานที่ประเทศเพื่อนบ้านทั้งสิ้น รัฐบาลไม่รู้อย่างไร เพราะประชาชนรู้ เป็นหน้าที่รัฐบาลขับเคลื่อนแก้ปัญหาจริงจัง ถ้าแก้ปัญหาเฉพาะในกรอบประเทศไม่พอ ต้องแก้เครือข่ายนานาชาติแก้ปัญหาด้วย และข้อครหานายทุนไทยร่วมหัวจมท้ายกับขบวนการเหล่านี้ รัฐบาลต้องปราบปราม เพราะเป็นภัยร้ายต่อสังคม และเศรษฐกิจ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : 1 เดือน หลังศึกยึดมหาดไทย รุกปมเขากระโดง-รื้อใหญ่ผู้ว่าฯน้ำเงิน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net