‘ผวจ.อุบลฯ’ แจงใช้งบฯ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดนไทย-กัมพูชา กว่า 10 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผวจ.อุบลราชธานี เปิดเผยถึงการใช้งบประมาณในการดูแลและให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องกว่า 10 วัน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอน้ำยืน อำเภอน้ำขุ่น และอำเภอนาจะหลวย โดยมีผู้ได้รับผลกระทบรวมกว่า 50,000 คน และมีประชาชนอพยพเข้ามาอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวมากกว่า 20,000 คน
โดยผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ระบุว่า การให้ความช่วยเหลือประชาชนในครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันของทุกภาคส่วน โดยใช้งบประมาณจากหลากหลายแหล่ง ได้แก่ งบทดรองราชการ งบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเงินบริจาคจากภาคประชาชนและหน่วยงานต่างๆ ในช่วงแรกของเหตุการณ์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ใช้งบประมาณของตนเองในการดูแลประชาชน ทั้งการจัดอาหาร ถุงยังชีพ และการตั้งศูนย์พักพิง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ซึ่งอยู่ระหว่างการตั้งเบิกงบประมาณ รวมเป็นวงเงินกว่า 6 ล้านบาทเศษ
สำหรับงบทดรองราชการ จังหวัดอุบลราชธานีได้ดำเนินการเบิกจ่ายแล้วเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา เป็นเงินจำนวน ประมาณ 55,000 บาท เพื่อช่วยเหลือเยียวยาด้านชีวิตและทรัพย์สิน และจะมีการเบิกจ่ายเพิ่มเติมภายในวันที่ 12 สิงหาคม 2568 สำหรับความเสียหายด้านที่อยู่อาศัยจำนวน 129 หลังคาเรือน และความเสียหายด้านปศุสัตว์ ซึ่งมีสัตว์เลี้ยงเสียชีวิตประมาณ 5 ตัว เป็นวงเงิน กว่า 4.7 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีความช่วยเหลือจากภาคส่วนต่างๆ อาทิ โรงครัวพระราชทาน ที่จัดทำอาหารแจกจ่ายประชาชนกว่า 122,000 กล่อง คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.2 ล้านบาท, สภากาชาดไทย สำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัดอุบลราชธานี และสถานีกาชาดที่ 7 มอบสิ่งของช่วยเหลือ มูลค่ากว่า 1.6 ล้านบาท, เงินบริจาคจากประชาชนและภาคเอกชน ขณะนี้ได้รับแล้วกว่า 2.5 ล้านบาท และยังมีสิ่งของจำเป็นอื่นๆ ที่ทยอยส่งมอบให้จังหวัดอย่างต่อเนื่อง
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวเพิ่มเติมว่า การดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนดังกล่าว ดำเนินการโดยคำนึงถึงความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของประชาชนเป็นสำคัญ และขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง ทำให้การดูแลช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ