ผู้ว่าอุดรธานีพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการเหล่ากาชาดเยี่ยมทหารบาดเจ็บปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา4 นาย
วันที่ 6 ส.ค.68 เวลา 11.30 น. นายราชันย์ ซุนฮั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ประกอบด้วยพลตรี ประเสริฐ ข่าทิพย์พาที ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 24 มณฑลทหารบกที่ 24 ผอ.ท่าอากาศยานนานาชาติเหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานี สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดอุดรธานี และผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายประจักษ์ ได้เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจทหารบาดเจ็บจากการปะทะที่บริเวณชายแดนไทยกัมพูชาหลังจากถูกส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลค่ายประจักษ์ศิลปาคม อ.เมือง จ.อุดรธานี จำนวน 4 นาย
ซึ่งทาง ผวจ.อุดรธานี ได้มอบกระเช้าเพื่อแสดงความขอบคุณและเงินบำรุงขวัญจำนวน 5,000 บาท ให้กับทหารผู้บาดเจ็บทั้ง 4 นาย ประกอบไปด้วย จ่าสิบเอก อร่ามกุล สิงหามาตย์ สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 13, จ่าสิบเอก อนันตสิทธิ์ เหล่าแพง สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 13, สิบเอก ศตวรรษ ถิ่นละออ สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 13, สิบเอก สุขสันต์ เพียงสุวรรณ สังกัด กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 13 ในโอกาสนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้กล่าวให้กำลังใจทหารว่า "มาที่นี่เพราะต้องการกล่าวขอบคุณและกราบขอบคุณในความเสียสละ และเป็นกำลังใจขอให้ทหารได้รับหายจากการบาดเจ็บไวๆ ขอชื่นชมในความเสียสละแทนพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน" ขณะที่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บกล่าวต่อผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีที่มาเยี่ยม บอกว่าหลังจากรักษาตัวดีแล้วอยากจะกลับไปปฏิบัติหน้าที่และภารกิจที่แนวชายแดนเหมือนเดิมเนื่องจากเป็นห่วงเพื่อนๆ
ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่าการเยี่ยมเยียนในครั้งนี้เพื่อแสดงความห่วงใยและให้กำลังใจทหารบาดเจ็บที่ได้เสียสละปฏิบัติหน้าที่ป้องกันชายแดนไทย-กัมพูชา และเป็นกำลังใจให้ทหารบาดเจ็บได้หายดีและกลับมาปฏิบัติหน้าที่ต่อไป การมอบกระเช้าและเงินบำรุงขวัญในครั้งนี้ เป็นการแสดงความขอบคุณและความห่วงใยต่อทหารบาดเจ็บที่ได้เสียสละปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องประเทศชาติ
ขณะที่สิบเอก ศตวรรษ ถิ่นลออ หรือ หมู่แม็ก เล่าว่า หลังได้รับคำสั่งปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนที่บริเวณช่องสายตะกู ตอนนั้นอยู่ในบังเกอร์กับเพื่อนๆ ทหารกัมพูชาก็ยิงปืนใหญ่เข้ามา ลูกหนึ่งลูกสองยังไม่โดนบังเกอร์ของพวกเรา ลูกที่3 ลงตรงหน้าบังเกอร์เลย พวกเรารอดมาได้ ส่วนผมเองเชื่อว่ารอดมาได้เพื่อเชื่อบารมีชายผ้าถุงของย่าและที่อัดกรอห้อยคอตลอด และตอนสู้รบ ได้กำดินแผ่นดินไทยใส่หัว แล้วก็บอกว่า นี่คือแผ่นดินไทยเรา ขอให้ปกปักรักษาทหารไทยพวกเราทุกคนด้วยเถิด ฝากถึงเพื่อนๆ ทหารที่อยู่แนวชายแดนให้สู้ๆ แผ่นดินนี้เป็นแผ่นดินของไทย แม้จะบาดเจ็บขนาดไหน ผมหายบาดเจ็บแล้วจะกลับไปอยู่เคียงข้างเพื่อนๆ เหมือนเดิม
ส่วนสิบเอก สุขสันต์ เพียงสุวรรณ หรือหมู่ทอส บอกว่า หลังได้รับคำสั่งปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดน ช่วงนั้นอยู่ในบังเกอร์ ช่วงนั้นปืนใหญ่ของทหารกัมพูชาก็บินข้ามๆ ก่อนเกิดเหตุไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย จู่ๆ ปืนใหญ่บึ้มตรงหน้าบังเกอร์พอร์พอดี ช่วงนั้นก้มพอดี ส่วนเดินทางไปชายแดนผมมีเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจเป็นหลวงปู่ทวดและตะกรุดที่พ่อมอบให้ก่อนพ่อเสียชีวิต ส่วนตัวผมเชื่อสนิทใจที่รอดตายมาได้เพราะหลวงปู่ทวดและตะกรุดที่ห้อยคอที่พ่อให้ก่อนพ่อเสียชีวิต ก่อนระเบิดจะลงตรงหน้า เหมือนมีอะไรดลใจให้ก้มลงเก็บอะไรสักอย่างจากนั้นระเบิดก็ลงเลย ฝากถึงพี่น้องทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนขอให้รอดปลอดภัย