ทนายเกิดผล เผยพบข้อมูล “หมอบี” นำเงินบริจาคไปใช้ เข้าข่ายผิดฉ้อโกงประชาชน
นายเกิดผล แก้วเกิด ในฐานะทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ เดินทางมาที่วัดเพื่อร่วมเข้าประชุมช่วงบ่าย เปิดเผยกับสำนักข่าววันนิวส์ว่า ประเด็นที่จะทำการประชุม คือการบริหารจัดการเรื่องเงินบริจาคของวัดพระบาทน้ำพุ และบุคคลภายนอกที่นำชื่อวัดเปิดรับบริจาค โดยประเด็นหลักเกิดจากบัญชี “ใจฟ้าอาทรประชานาถ” ของหมอบี ปรากฏข้อมูลว่ามีการแบ่งเปอร์เซ็นต์เงินบริจาค โดยเป็นข้อมูลจากอดีตเลขาของหมอบีที่นำเรื่องนี้มาเปิดเผย เนื่องจากมีปัญหากันภายในทีมงานของหมอบี ก่อนนำเรื่องการแบ่งเปอร์เซ็นต์เงินบริจาคมาฟ้องหลวงพ่ออลงกต ว่าหมอบีนำเงินบริจาคมาให้หลวงพ่อไม่ครบจากโครงการต่างๆ ก่อนที่จะมีการรวบรวมข้อมูลและพยานหลักฐานไปร้องเรียนที่กองปราบฯ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่กองปราบฯลงพื้นที่สอบสวนหาข้อเท็จจริง จนกระทั่งเรื่องทั้งหมดดังเป็นข่าว
ได้สอบถามข้อเท็จจริงกับหลวงพ่ออลงกต ให้ข้อมูลว่า ทางวัดและตัวหลวงพ่อไม่เคยมีการตกลงแบ่งเปอร์เซ็นต์เงินบริจาค ก่อนมีการเรียกหมอบีมาสอบถาม ซึ่งหมอบียอมรับว่านำเงินบริจาคไปใช้จริง อ้างว่าหักค่าใช้จ่ายในโครงการ หรือนำไปใช้จ่ายโครงการในอนาคต และนำไปซื้อของใช้ส่วนตัวบางอย่าง อ้างว่าบางอย่างก็เป็นการซื้อเพื่อใช้ในงาน เช่น รถยนต์ อ้างว่าใช้ในการจัดกิจกรรมในโครงการเสร็จแล้วก็จะมาถวายให้กับวัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งทนายเกิดผล มองว่า เป็นเรื่องที่หมอบีกำลังปฏิเสธว่าไม่ได้ทุจริตเงินบริจาคของวัด
ทนายเกิดผล ยืนยันว่า หมอบีทำไม่ถูกต้อง เพราะมีการนำเงินบริจาคไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งการเปิดรับเงินบริจาคเงินทุกบาทต้องเข้าวัดพระบาทน้ำพุ ไม่มีสิทธิ์ที่จะหักเงินแม้แต่บาทเดียว เพื่อนำไปใช้จ่ายส่วนตัว ซึ่งเข้าใจว่าอาจมีการหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาไปซื้อของอย่างอื่นนอกวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค หากตรวจสอบหมอบีมีการกระทำลักษณะดังกล่าวจริงเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และหากตรวจสอบว่ามีการโพสต์เชิญชวนบริจาคผ่านโซเชียลมีเดียเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.คอมด้วย
ส่วนเรื่องของบัญชีวัดได้ทำการตรวจสอบแล้วมีแต่บัญชีที่มีคณะกรรมการวัดร่วมกันดูแล โดยไม่มีบัญชีส่วนตัวของใครทั้งสิ้นในวัด แต่การเปิดบัญชีในโครงการต่างๆมักจะมีลูกศิษย์มาขอหลวงพ่อสมัครใจหาเงินบริจาคร่วมกับวัด โดยลูกศิษย์กลุ่มนี้ก็จะมากราบขออนุญาตกับหลวงพ่อ แต่ประเด็นนี้ไม่แน่ใจว่าการมาขออนุญาตหลวงพ่อทำเป็นลายลักษณ์อักษรหรือขออนุญาตด้วยวาจา หรือแม้แต่ยินยอมเป็นเฉพาะโครงการหรือยินยอมโครงการต่อเนื่อง ซึ่งเป็นข้อมูลที่หลวงพ่อเท่านั้นที่จะให้ข้อมูลได้
แต่ในส่วนการประชุมวันนี้ยืนยันว่าจะดำเนินการให้ปิดบัญชีที่ไม่ใช่บัญชีของวัด โดยตรวจสอบไปยังแต่ละโครงการอื่นและขอความร่วมมือให้ปิดบัญชี ซึ่งหากเป็นบัญชีที่นำเงินมาบริจาควัดปกติก็ถือว่าไม่มีความผิดจะไม่ถูกดำเนินคดี แต่ถ้าพบเป็นบัญชีที่ไม่เคยขออนุญาตหรือมีพิรุธในการส่งมอบเงินก็จะมีทีมทนายความของวัดพิจารณาดำเนินการทางกฎหมาย
สุดท้ายทนายเกิดผล ขอพูดในฐานะลูกศิษย์หลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ คนหนึ่งว่า จากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นรู้สึกเป็นห่วงภาพลักษณ์และความรู้สึกของหลวงพ่ออย่างมาก เพราะลูกศิษย์ทุกคนเห็นหลวงพ่อทุ่มเทกับการช่วยเหลือคนไม่มีวันพักไม่มีวันหยุด แต่กลับมีคนมีคนฉวยโอกาศทำลายชื่อเสียงของหลวงพ่อ ซึ่งไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิดว่าหลวงพ่อมีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่อยากให้วัดเสื่อมเสีย รวมถึงไม่อยากให้คนสิ้นศรัทธาศาสนาด้วย เพราะที่ผ่านมาคนเริ่มเสื่อมศรัทธากับศาสนาพุทธแล้ว ซึ่งมีผลกระทบอย่างมาก จึงอยากวิงวอนไปยังลูกศิษย์ลูกหาทุกคนที่ยังรักและเคารพหลวงพ่อให้กอบกู้ศักดิ์ศรีและเกียรติยศของหลวงพ่อและหยุดการกระทำที่ทำให้หลวงพ่อเสื่อมเสีย เพราะเงินทองเป็นของนอกกาย หากอยากได้ก็ต้องทำความดี และหากตนเองสามารถปกป้องหลวงพ่อและขจัดกลุ่มคนเหล่านี้ออกไปได้ตนเองก็จะทำเพื่อหลวงพ่อ.