ทหารคลั่งเครียดศึกเขมร Vs “รัฐบาล” เครียด “คดีอิ๊งค์”
สถานการณ์ "ศึกเขมร" ยังอยู่ในภาวะตึงเครียดลากยาวมาเป็นเดือนๆ นับตั้งแต่วันเสียงปืนลั่นครั้งแรก จากฝั่งเขมร 24 ก.ค.ที่ปราสาทตาเมือนธม แม้จะอยู่ระหว่าง “การหยุดยิง”ตามข้อตกลง GBC แต่ก็ยังคงเกิดเหตุโจมตีด้วยการวางทุ่นระเบิดสังหารใหม่ จนทำให้มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาขาดอย่างน้อย 5 รายใน 1 เดือน
ขณะเดียวกันยังคงพบว่ามีการเสริมกำลัง และ การส่ง “โดรนสอดแนม” ชี้เป้า เข้ามาในพื้นที่ชั้นในหลายจังหวัดถึงขนาดลึกเข้ามาถึงโคราชนับร้อยๆตัว แม้ว่าทั้ง กองทัพไทย และ กระทรวงการต่างประเทศ จะมีการประณามแล้วประณามอีก และมีความพยายายามร้องไปยัง “องค์กรระดับโลก” ทั้ง สหประชาชาติ UN และสมัชชาความมั่นคง UNSC กับพฤติกรรม “ลอบกัด” ไม่หยุดจากฝ่ายกัมพูชาที่ผ่านมา
ที่ผิดทั้ง “อนุสัญญานออตตาวา”ทั้ง “อนุสัญญาเจนนีวา”จนถึงผิด “ข้อตกลงการเจรจาหยุดยิง”ทั้งวงพิเศษ 28ก.ค.และวงGBC 7ส.ค.แต่ก็ยังไม่สามารถหยุดทำตัวเป็น “ภัยคุกคามเพื่อนบ้าน” ของเขมรได้
จน “กองทัพไทย” ชักไม่ทน ออกมาประกาศเตรียมตอบโต้ทางยุทธการตาม “สิทธิป้องกันตนเอง” ใน ข้อ51 กฎบัตรสหประชาติ หากแต่สถานการณ์จากทั้ง “หน้างาน”และจาก “องค์กรโลก” ยังคงสวนทางกัน จน “คนไทย”ทั่วประเทศเครียดต่อเหตุการณ์ใน 2 ความรู้สึกคือเห็นใจเชื่อมั่นกองทัพ แต่ไม่พอใจและไม่เชื่อมั่นรัฐบาลภายใต้การรักษาการนายกฯของ “ภูมิธรรม เวชชยชัย” อย่างที่ “นิด้าโพล”สำรวจ พบคนไทยเชื่อมั่นรัฐบาลเพียง 4%
จากสภาพการณ์ดังกล่าวทำให้ เหตุการณ์กรณี “พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ” สังกัดกองร้อยทหารราบ ที่ 1623 ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง ก่อเหตุกราดยิงจำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ จนมีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ 2 ราย
ที่ต่อมา “พ.ต.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล” ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เผยว่า ในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ ได้พบ พลทหารดังกล่าวเสียชีวิต ในบริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการอัตวินิบาตกรรม เนื่องจากพบหมวกเหล็กและอาวุธประจำกายวางอยู่ข้างลำตัว โดยกองทัพบกขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ท่ามกลางกระแสสังคมออกมาทำนองให้ความเห็นใจและเข้าใจ ในความเครียด พลทหารรัฐภูมิ ที่ก่อเหตุ
อย่างที่ “พล.ท.บุญสิน พาดกลาง”แม่ทัพภาคที่ 2 ออกมา แสดงความเสียใจกับประชาชน ที่ได้รับบาดเจ็บ2ราย ว่า ยังไม่ทราบสาเหตุว่า พลทหารคนนี้ ได้รับผลกระทบในเรื่องใดบ้าง ต้องดูเหตุผล และให้ความเป็นธรรม ในสภาวะสงคราม มีเรื่องความเครียด ในสนามรบอยู่แล้ว กองทัพ จึงจำเป็นต้องเข้าไปดูแลเรื่องสุขภาพจิตของกำลังพลแนวหน้า โดยคณะแพทย์พยาบาล ที่จะคอยประเมิน ว่าใครมีความสุ่มเสี่ยง ยอมรับว่าเหตุการณ์ปะทะที่ผ่านมา ส่งผลต่อสุขภาพจิตกองกำลังพลที่อยู่แล้วหน้า
ได้เน้นย้ำผู้บังคับหน่วย ให้ลงไปดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ทั่วถึง ขณะนี้ได้ส่งทีมแพทย์ ไปดูแลกำลังพล โดยเฉพาะ คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุการสู้รบ ประเมินว่ากำลังพลใดที่มี เกณฑ์เสี่ยง แน่นอนว่าการสู้รบ และเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นมีผลกระทบต่อจิตใจ เป็นเรื่องที่เราเฝ้าระวังอยู่แล้ว
และจากเหตุการณ์ที่นำมาสู่ความเครียดดังกล่าว ที่สังคมพุ่งเป้าไปที่ “รัฐบาล”ในอีกด้าน ถูกมองว่า ก็กำลังอยู๋ในภาวะความเครียดทางการเมืองเช่นกัน จากกรณี คดีคลิปเสียงฮุนเซน ที่ “นายกอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร”ถูก “ศาลรัฐธรรมนูญ”สั่งพักงาน จะต้องไปให้การต่อศาลรัฐธรรมนูญ วันที่ 21 ส.ค.ที่จะถึงนี้ซึ่งเป็นวันเกิดของ “อิ๊งค์” และศาลได้นัดฟังคำตัดสินในวันที่ 29ส.ค.
โดยมีรายงานว่า “นายกอิ๊งค์”อาจตัดสินใจ “ตัดเกม”ผูกมัดความผิดจริยธรรมเป็นชนักติดหลังด้วยการชิง “ลาออก” หลัง งบประมาณ69 ผ่าน และก่อนถึงวันตัดสิน อย่างที่ “นายกอิ๊งค์” ที่ไปสภาวันนี้ แม้จะมีสีหน้าสดชื่น ยกมือไหว้ และ ยิ้มทักทายสื่อ แต่ยังไม่ให้สัมภาษณ์ ถึงวันที่ 21 ส.ค.ว่าจะตัดสินใจไปด้วยตัวเองหรือไม่ และไม่ตอบคำถาม เมื่อถามย้ำว่า ได้ส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลไปแล้วหรือยัง
โดยกรณี “คดีคลิปเสียงฮุนเซน”ของ “อิ๊งค์”ถูกกดดันจาก “ฝ่ายตรงข้าม”ทักษิณ ให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดีนี้โดยเร็ว แม้จะมีผลต่อความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง แต่เพื่อความชัดเจนต่อสถานการณ์ที่ประเทศกำลังวิกฤติ หน้างาน ทั้ง “ศึกเขมร” และ “สงครามเศรษฐกิจ”ที่ประเทศไทยต้องการ “ผู้นำ”ที่เข้มแข็ง โดยเฉพาะสถานการณ์ “ศึกเขมร” ที่กลายเป็นความกดดันให้คนไทย “ไม่พอใจ” จนนำมาสู่ ความไม่มั่นใจ ที่ส่งผลกระทบต่อความนิยมของรัฐบาล
ไม่นับรวม คดี “ทักษิณ”ที่ศาลนัดในเดือนต่อไป อย่างที่ “สมชาย แสวงการ” โพสFB ว่า สงครามไทย-กัมพูชายังไม่จบ ผู้นำต้องกล้า #เปลี่ยนม้ากลางศึก เมื่อสงครามโลกครั้งที่2 สส.อังกฤษบีบนายก แชมเบอร์ลินลาออก ให้วินสตัน เชอร์ชิล ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี นำศึกแทนอังกฤษจึงชนะสงคราม #อิ๊งลาออก.
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews