มิตซูบิชิ ลุยเอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2025 ตั้งเป้าคว้าแชมป์รอบ 3 ปี
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น (Mitsubishi Motors Corporation) ประกาศความพร้อมของ “ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต” ในการแข่งขัน เอเชีย ครอสคันทรี แรลลี่ 2025 (Asia Cross Country Rally 2025) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 8-16 สิงหาคม 2568 ในประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนด้านเทคนิคจากมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศญี่ปุ่น โดยทีมเตรียมส่ง รถแข่ง Triton Rally Car ลงสนามทั้งหมด 3 คัน พร้อมประกาศเป้าหมายสุดท้าทายคือการคว้าแชมป์ประเภทโอเวอร์ออล (Overall) ให้ได้อีกครั้ง หลังจากครั้งสุดท้ายที่คว้าได้เมื่อ 3 ปีก่อน
เส้นทางและความท้าทายของ AXCR 2025
การแข่งขัน AXCR ถือเป็นหนึ่งในรายการแรลลี่ครอสคันทรีที่มีชื่อเสียงที่สุดในเอเชีย เริ่มจัดครั้งแรกเมื่อปี 1996 และมีเส้นทางครอบคลุมหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปีนี้เป็นการจัดแข่งครบรอบครั้งที่ 30 มีผู้เข้าร่วมมากถึง 93 คัน แบ่งเป็น รถยนต์ 47 คัน รถมอเตอร์ไซค์ 44 คัน และรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง 2 คัน สำหรับปีนี้ เส้นทางจะเน้นพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ซึ่งมีทั้งถนนลูกรังทางเรียบ เส้นทางการเกษตร พื้นโคลน และเส้นทางออฟโรดที่ใช้ความเร็วสูง รายละเอียดเส้นทางประกอบด้วย
- พิธีปล่อยตัว เมืองพัทยา (8 ส.ค.)
- Leg 1 พัทยา → ปราจีนบุรี ระยะกว่า 300 กม. ผ่านพื้นที่เนินสลับและถนนลูกรัง
- Leg 2 ปราจีนบุรี → เขาใหญ่ ท้าทายด้วยเส้นทางภูเขาและโค้งความเร็วสูง
- Leg 3 แข่งขันภายในเขาใหญ่ เส้นทางออฟโรดแบบวนปิด เน้นความชำนาญในการควบคุม
- Leg 4 เขาใหญ่ → ปราจีนบุรี
- Leg 5-6 ฐานการแข่งขันปราจีนบุรี เป็นช่วงที่ทีมต้องบริหารความเร็วและรักษาสภาพรถ
- Leg 7 ปราจีนบุรี → พัทยา
- Leg 8 เส้นชัยที่ท่าเรือแหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา (16 ส.ค.)
เส้นทางทั้งหมดนี้จะผสมผสานทั้งความเร็ว ความทนทาน และความสามารถของนักขับในการอ่านเส้นทางอย่างแม่นยำ
การเตรียมทีมและการทดสอบสมรรถนะ
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทีมมิตซูบิชิ แรลลี่อาร์ต ได้ทำการทดสอบรถแข่ง Triton Rally Car บนเส้นทางรอบอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ซึ่งจำลองสภาพการแข่งจริง ครอบคลุมระยะทางมากกว่าที่ใช้จริงในรอบ Special Stage เพื่อทดสอบ ความแข็งแกร่งและความทนทานของเครื่องยนต์ โครงสร้างตัวถังและแชสซีส์ ระบบกันสะเทือนและช่วงล่างที่ต้องรองรับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงบนผิวถนนขรุขระ การควบคุมเสถียรภาพเมื่อต้องเข้าโค้งด้วยความเร็วและการยึดเกาะในสภาพโคลน
วันที่ 5 สิงหาคม ก่อนการแข่งขันเพียง 3 วัน ทีมยังจัดการทดสอบ Shakedown เพื่อเช็กสภาพรถทั้ง 3 คันให้พร้อมสมบูรณ์ 100% และปรับจูนขั้นสุดท้ายก่อนลงสนาม
อัปเกรดทางเทคนิคของ Triton Rally Car
มร. ฮิโรชิ มาซูโอกะ ผู้อำนวยการทีม เผยว่า ปีนี้รถแข่งได้รับการพัฒนาหลายด้าน เช่น เพิ่มแรงบิดเครื่องยนต์ เพื่อรองรับเส้นทางความเร็วสูงและการเร่งแซงในจังหวะสำคัญ ปรับปรุงแชสซีส์และระบบกันสะเทือน เพื่อควบคุมเสถียรภาพแม่นยำยิ่งขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะบนพื้นโคลน ให้ดีกว่าปีก่อน ทดลองใช้เกียร์อัตโนมัติ (AT) รุ่นใหม่ ในรถแข่งหนึ่งคัน เพื่อเก็บข้อมูลทนทานและความแม่นยำในสภาพสุดโหด ซึ่งจะต่อยอดสู่การพัฒนารถยนต์ในอนาคต มาซูโอกะย้ำว่า “ปีนี้เรามีทั้งสมรรถนะและความมุ่งมั่นที่จะกลับมาคว้าแชมป์ให้ได้อีกครั้ง”
บทบาทสำคัญของรถสนับสนุน Delica D:5
นอกจากรถแข่งแล้ว ทีมยังใช้ มิตซูบิชิ เดลิกา ดี:5 จำนวน 4 คัน เป็นรถสนับสนุน โดยทำหน้าที่รับ-ส่งวิศวกรและทีมงานไปตามจุด Passage Control บนเส้นทาง ตรวจเช็ก ซ่อมบำรุงรถแข่งหลังจบรอบ Special Stage สำรวจเส้นทางและตรวจสอบสภาพสนามล่วงหน้า เพื่อให้พร้อมรับมือทุกสถานการณ์ เดลิกา ดี:5 ถูกปรับแต่งพิเศษ เช่น ยกสูง 20 มม. ติดตั้งแผงอลูมิเนียมกันกระแทกใต้เครื่องยนต์ ระบบกันสะเทือนใหม่ทั้งหน้าและหลัง พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ ภายนอกตกแต่งด้วยโทนสีแดงและกราฟิกพายุทรายสไตล์ดิจิทัล พร้อมโลโก้ Ralliart ที่สะท้อนจิตวิญญาณการลุยสนามแข่งอย่างเต็มกำลัง