รวยหนี้! ฉากชีวิต 'พีระวิทย์' จากอดีตแกนนำพรรคเล็ก สู่ผู้ต้องหา

อัพเดต 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค" คือนักการเมืองรายล่าสุด ที่โดนดำเนินคดีอาญาอยู่ในขณะนี้ โดย อดีต สส. และอดีตหัวหน้าพรรคไทรักธรรม ถูกกล่าวหาว่า กระทำความผิดอาญาฐานเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง ได้มีการนำหรือยินยอมให้บุคคลอื่นนำเงินหรือทรัพย์สินของพรรคการเมืองไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว หรือใช้เพื่อการอื่นใด อันเป็นความผิดตามมาตรา 132 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ซึ่งมีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

รวมถึงเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ พ 962/2567 คดีหมายเลขแดงที่ 2607/2568 ของศาลอุทธรณ์ภาค 1 ลงวันที่ 11 มิถุนายน 2568 และคดีหมายเลขดำที่ พ 827/2567 คดีหมายเลขแดงที่ พ 499/2568 ของศาลจังหวัดสระบุรี ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2568

โดย "พีระวิทย์" ถูกศาลจังหวัดสระบุรี ออกหมายจับ หลังไม่ไปพบพนักงานสอบสวนตามข้อกล่าวหา นำเงินหรือทรัพย์สินของพรรคการเมืองไปใช้ส่วนตัว ซึ่งมีรายงานว่าเจ้าตัวได้หลบหนีไปทำธุรกิจอยู่ สปป.ลาว ทางการไทยจึงได้ประสานกับ สปป.ลาว นำไปสู่การจับกุม และส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ไทยดังกล่าว

มีรายงานแจ้งว่า นายพีระวิทย์ ยังตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาใน "คดีฉ้อโกง" อีกด้วย

บทบาทของเขาระหว่างเป็น สส.เกือบ 4 ปีในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (2562-2566) พบว่า เขาเป็นหนึ่งในผู้ประสานงานของบรรดา "พรรคเล็ก" หรือที่เรียกกันว่า "กลุ่ม 16 ใหม่" ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า เข้ามาเพราะการ "ปัดเศษ" ในการคำนวณคะแนนเสียง สส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นกลไกในรัฐธรรมนูญปี 2560 และ พ.ร.ป.เลือกตั้ง สส.ปี 2561

บรรดาพรรคเล็กเหล่านี้ โดนกังขาเช่นเดียวกันว่า "กินกล้วย" เพื่อแลกกับการโหวตต่าง ๆ ในสภาฯหรือไม่ ปัจจุบันข้อมูลเหล่านี้ถูกตรวจสอบโดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

พีระวิทย์ ทรัพย์สินปี 2562 โสด รวย 4.7 ล้าน หนี้แสนเดียว

นายพีระวิทย์ เคยแจ้ง บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ต่อ ป.ป.ช. กรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2562 ระบุว่าอายุ 41 ปี สถานะว่า โสด มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 4,759,305 บาท เป็นเงินสด 1,250,000 บาท เงินฝาก 1,272,305 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3 แสนบาท รถยนต์ 1.2 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น (ราคาตั้งแต่สองแสนบาทขึ้นไป) 737,000 บาท มีหนี้สินทั้งสิ้น 100,216 บาท

มีรายได้ (ไม่ระบุว่าต่อปี หรือระหว่างดำรงตำแหน่ง หรือรายได้ 1 ปีหลังพ้นตำแหน่ง) 100,000 บาท จากการค้าขายที่บ้าน และยังมีค่านายหน้าที่ดินด้วย แต่ระบุว่า เป็นรายได้ไม่แน่นอน มีรายจ่ายรวม 2.7 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 3 แสนบาท และค่าใช้จ่ายในฐานะหัวหน้าพรรค 2.4 ล้านบาท

ทรัพย์สินที่น่าสนใจ พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค เช่น รถยนต์ฮุนได H-1 ได้มาเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2562 มูลค่า 1.1 ล้านบาท ระบุหมายเหตุว่า เป็นการโอนลอย แต่ซื้อขายด้วยเงินสดเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2562 และทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2562 นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับได้มาวันที่ 9 พ.ค. 2562 จำนวน 3 ชิ้น ได้แก่ เข็ดติดเน็คไท ฝังเพชร เรือนทอง มูลค่า 95,000 บาท แหวนพลอย ฝังเพชร เรือนทอง มูลค่า 126,000 บาท และแหวนพลอยล้อมเพชร มูลค่า 167,000 บาท

ในส่วนหนี้สินจำนวน 100,216 บาทนั้น นายพีระวิทย์ ระบุว่า เป็นหนี้กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ตั้งแต่ปี 2542

ทรัพย์สินปี 66 เหลือ 2.4 ล้าน หนี้พุ่ง 3.5 ล้าน กู้ยืมพ่อ-แม่

ต่อมากรณีพ้นจากตำแหน่ง สส.เมื่อปี 2566 นายพีระวิทย์ แจ้งมีทรัพย์สินรวมกว่า 2 ล้าน 4 แสนบาท แต่มีหนี้สินสูงถึง 3 ล้าน 5 แสนบาท ซึ่งเป็นเงินกู้ยืมพ่อและแม่ จึงเป็นอดีต สส.อีกหนึ่งคน ที่มีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน

ถูกศาล รธน.สั่งยุบพรรค-ตัดสิทธิการเมือง ปมใช้เงินจูงใจชาวบ้านสมัครสมาชิกพรรค

เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2565 กรณีศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก สั่งให้ ยุบพรรคไทรักธรรม เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของกรรมการบริการพรรคไทรักธรรม ที่ดำรงตำแหน่งระหว่าง วันที่ ก.ย.2561- ม.ค.2562 เป็นเวลา 10 ปี และห้ามผู้ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคไทรักธรรมไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ ภายในกำหนด 10 ปีนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค

ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาแล้วข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า หัวหน้าพรรคไทรักธรรม (นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค) มอบหมายให้นายมนัส มีชาวนา จูงใจชาวบ้าน ต.ป่ามะข้าม อ.เมืองพิจิตร จ.พิจิตร สมัครสมาชิกพรรค เชิญชวนให้กลุ่มทำดอกไม้จันทน์ สมัครสมาชิกพรรคโดยไม่ต้องเสียค่าเข้า และค่าบำรุงพรรค โดยเสนอว่าจะซื้อวัสดุอุปกรณ์ทำดอกไม้จันทน์ และรับซื้อคืนดอกละ 1 บาท กระทั่งพรรคไทรักธรรม มีสมาชิกพรรคครบ 500 คน และเปิดสาขาพรรคได้ที่ จ.พิจิตร วิธีการดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า หัวหน้าพรรคไทรักธรรม มอบหมายนายมนัสดำเนินการ จึงฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และมีผลผูกพันกับพรรค

แม้การยุบพรรคไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา กระทบเจตนารมณ์กฎหมาย เพราะกฎหมายประสงค์ให้เสริมสร้างพรรคการเมืองให้เข้มแข็ง รวมถึงกระทบต่อสมาชิกพรรคอีกจำนวนมาก ที่มีอุดมการณ์คล้ายคลึงกันในการจัดตั้งพรรค แต่การหาสมาชิกพรรคด้วยวิธีดังกล่าว ไม่อาจส่งผลให้พรรคการเมืองเป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข้ง และเป็นองค์กรในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่ผลักดันแนวคิดของประชาชนไปสู่การปฏิบัติได้

เพราะการสมัครสมาชิกพรรค เกิดจากการหลงเชื่อ จูงใจของพรรคผู้ถูกร้อง บุคคลที่เข้ามาเป็นสมาชิกพรรค ไม่ได้ศรัทธา พรรค ไม่ได้รู้ศึกว่าตนเองเป็นเจ้าของ ไม่ได้ใส่ใจมาดำเนินกิจกรรม มีส่วนร่วม แต่สมัครเพราะมุ่งหวังเงินจากการทำดอกไม้จันทน์ หรือประโยชน์อื่นใดที่พรรคเสนอให้เท่านั้น ไม่ได้เป็นไปตามความมุ่งหมาย เจตนารมณ์เสรีภาพจัดตั้งพรรค ตามวิถีทางปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์และตามที่กฎหมายบัญญัติไว้

อาศัยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 เสียง สั่งให้ยุบพรรคไทรักธรรม ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองฯ มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) และวรรคสอง ประกอบมาตรา 30