“พริษฐ์” แย้มวงประชุม กก.บห.-สส. ความเห็นหลากหลาย
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 1 กันยายน 2568 เวลา 22.53 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทพรรคประชาชน 1 ก.ย.-“พริษฐ์” ชี้ “เพื่อไทย” มีอำนาจยุบสภาได้ไม่ต้องรอ “ประชาชน” ย้ำจุดยืนเดิมยุบสภาคือทางออกที่ดีที่สุดของประเทศ เผยวงประชุม กก.บห.-สส. โหวตนายกฯ มีความเห็นหลากหลาย
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.พรรคประชาชน เปิดเผยว่า ยังประชุมกันอยู่ ต้องใช้เวลาสักพัก เพราะว่าตอนนี้ก็มีความเห็นที่หลากหลาย ส่วนตัวเห็นมีข่าวตัวแทนของพรรคเพื่อไทยให้ความเห็น หากสมมติพรรคประชาชนไม่สามารถตัดสินใจเลือกพรรคไหนพรรคหนึ่งได้ อาจจมีการยุบสภา ก็มองว่า พรรคเพื่อไทย ไม่ต้องรอพรรคประชาชนก็สามารถยุบสภาได้ ไม่ต้องรอ ย้ำจุดยืน 3 ประการ คือ คลิปสนทนากับสมเด็จฯ ฮุน เซน พรรคประชาชนก็เรียกร้องตั้งแต่ตอนนั้นว่าทางออกที่ดีที่สุดของประเทศ คือ การยุบสภา ให้ประเทศมีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว และได้รัฐบาลใหม่ที่มีความชอบธรรม มีเสถียรภาพในการแก้ปัญหาสำคัญของประเทศ ซึ่งพรรคประชาชนเรียกร้องมาอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้มีอำนาจในขณะนั้นไม่ได้ตอบสนองต่อข้อเรียกร้องดังกล่าว
พรรคประชาชนยังคงยืนยันว่าในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี อำนาจในการยุบสภาอยู่ที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย และพรรคเพื่อไทย หากต้องการจะยุบสภาก็ดำเนินการได้เลย ไม่ต้องรอให้พรรคประชาชนตัดสินใจ
และ ก่อนหน้านี้ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีการยุบสภา ดังนั้นเราก็มองว่าจะสามารถใช้เสียง 143 เสียง อย่างไร เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีมายุบสภา มันไม่ใช่การเลือกใครแทนที่ยุบสภา เราต้องการเลือกคนไปยุบสภา หากไม่มีการยุบสภาเกิดขึ้น จนถึงวันเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ นี่คือจุดยืนของพรรคประชาชน
นายพริษฐ์ ย้ำว่า ไม่ต้องรอพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทยสามารถตัดสินใจได้เลยด้วยอำนาจที่มีอยู่ ณ เวลานี้
ส่วนได้หยิบข้อมูลส่วนนี้ไปถกในวงประชุมหรือ นายพริษฐ์ ว่าความจริงไม่ได้คุยเพราะเป็นจุดยืนของพรรคประชาชนมาโดยตลอด ที่ต้องลงมาเพราะมีข่าว จึงอยากจะลงมาให้ความชัดเจนกับประชาชนและสื่อมวลชน
สำหรับบรรยากาศการประชุมในวันนี้ นายพริษฐ์ ระบุอีกว่า ยังคงมีความคิดเห็นที่หลากหลาย ส่วนตัวมองว่าตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา สส.พรรคประชาชนโดยเฉพาะสส.แบบแบ่งเขต ได้ลงพื้นที่ของตัวเอง และได้มีโอกาสพูดคุยกับประชาชนหลากหลาย เวลานี้จึงเป็นโอกาสในการรับฟังความคิดเห็นที่หลากหลาย ทั้งของสส.และประชาชนในพื้นที่ ย้ำว่าคงต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง.-312 -สำนักข่าวไทย