โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

รวบยกแก๊ง ลวงเปิดบัตรเครดิต หลอกเอารหัส OTP ซื้อทอง เหยื่อเพียบ

TNews

อัพเดต 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)
ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย ดังนี้

1) นายกรกรต (สงวนนามสกุล) อายุ 29 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลา ที่ จ.365/2568 ลงวันที่ 11 มิ.ย.2568
2) นายกฤตนัย (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลา ที่ จ.366/2568 ลงวันที่ 11 มิ.ย.2568
3) นายปพนธีร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดสงขลา ที่ จ.364/2568 ลงวันที่ 11 มิ.ย.2568

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนอันมิใช่ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา และร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ”

พร้อมตรวจยึดของกลาง จำนวน 53 รายการ
1) รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ รุ่น C200 Coupe AMG สีแดง ติดแผ่นป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานคร
2) โทรศัพท์มือถือ จำนวน 23 เครื่อง
3) คอมพิวเตอร์และโน๊ตบุ๊ก จำนวน 6 เครื่อง
4) เครื่องนับธนบัตร จำนวน 1 เครื่อง
5) แผ่นทองคำแท่ง จำนวน 2 แผ่น
6) ซิมการ์ด/สมุดบัญชีและอุปกรณ์อื่นๆ อีก 20 รายการ

  • พฤติการณ์

ด้วยเมื่อประมาณเดือน ก.พ.2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. ได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบของธนาคาแห่งหนึ่ง แจ้งว่ามีกรณีที่ลูกค้าของธนาคารหลายรายซึ่งมีความสนใจสมัครบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ได้ถูกคนร้ายหลอกลวงให้สมัครบัตรผ่านช่องทางออนไลน์ โดยคนร้ายแอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร สามารถดันเคสได้ อ้างว่ารายได้น้อยก็สามารถสมัครได้ ไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงแค่ให้ลูกค้านั้นประเมินให้คะแนนความพึงพอใจในระดับดีมาก เมื่อลูกค้าหลงเชื่อทำตามขั้นตอนและสมัครบัตรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่ายอดเงินในบัตรได้ถูกรูดซื้อสินค้าผ่านร้านค้าออนไลน์ในทันทีโดยที่ลูกค้าไม่ได้เป็นผู้ทำรายการ

หลังรับข้อมูล ชุดสืบสวนของ กก.5 บก.ป. ได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานพบว่า เป็นการกระทำผิดในรูปแบบกลุ่มเครือข่าย ลักษณะเป็นกลุ่มแก๊งขบวนการคอลเซ็นเตอร์ หลอกลวงประชาชนทั่วประเทศเป็นจำนวนหลายราย จึงได้รวบรวมหลักฐานนำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 3 รายในวันที่ 17 มิ.ย.2568 จึงได้เปิดปฏิบัติการเข้าจับกุมกลุ่มผู้ต้องหา และตรวจค้นสถานที่ที่เกี่ยวข้องจำนวน 4 จุด ในพื้นที่ 3 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร, ลพบุรี,ปทุมธานี สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้ง 3 ราย และตรวจยึดของกลางที่ใช้การกระทำผิดและทรัพย์สินมีค่าที่เชื่อว่าได้จากการกระทำผิด รวม 53 รายการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4 ล้านบาท

จากการจับกุมและตรวจค้น ผู้ต้องหาจำนนต่อหลักฐาน ได้ให้การรับสารภาพ โดยสามารถสรุปแผนประทุษกรรมในการหลอกลวง เริ่มต้นจากที่ผู้ต้องหาจะติดต่อหาซื้อเพจเฟซบุ๊กที่มียอดผู้ติดตามสูงตามกลุ่มไลน์หรือเพจเฟซบุ๊กสายเทา เช่น กลุ่ม STO-สายเทา, สายเทาการตลาด Marketing ฯลฯ เพื่อนำเพจ

เฟซบุ๊กที่สั่งซื้อมา มาปรับเปลี่ยน ปรับแต่ง ลงรูปของทางธนาคาร ใบโฆษณา ข้อความประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการเปิดบัตรเครดิตหรือเดบิต ให้น่าเชื่อถือ น่าสนใจ และตั้งชื่อเพจ อาทิ “สินเชื่อเพื่อ OD”, “สินเชื่อเงินด่วน”, “สินเชื่อ Xpress Cash” โดยผู้ต้องหามีเพจเฟซบุ๊กลักษณะดังกล่าวมากกว่า 10 เพจ จากนั้นผู้ต้องหาจะยิงแอดเพจเฟซบุ๊กดังกล่าวทุกวัน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ปรากฏในสายตาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ขยายการมองเห็นของกลุ่มเป้าหมาย เมื่อผู้เสียหายพบเห็นและสนใจกดเข้ามาที่เพจของผู้ต้องหา จะมีการสนทนากันผ่านทางข้อความ จากนั้นผู้ต้องหาจะเริ่มแนะนำตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารโดยแอบอ้างชื่อ-สกุลของเจ้าหน้าที่ธนาคารตัวจริง

พร้อมส่งภาพนามบัตรให้ผู้เสียหายดูจนเกิดความหลงเชื่อ จากนั้นจะพูดคุยโน้มน้าวให้ผู้เสียหายสนใจสมัครบัตร โดยสอบถามอาชีพ รายได้ วงเงินที่ผู้เสียหายต้องการใช้ และอ้างว่าสามารถดันเคสให้ได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงแค่ให้ลูกค้านั้นประเมินให้คะแนนความพึงพอใจในระดับดีมาก พร้อมขอหมายเลขโทรศัพท์เพื่อติดต่อกลับ โดยอ้างว่าจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมและจะสอนขั้นตอนการสมัครเปิดบัตร

ซึ่งในส่วนของวิธีการสมัครบัตรของผู้เสียหายนั้น ผู้ต้องหาจะให้ผู้เสียหายใช้โทรศัพท์อีกเครื่องหนึ่งวิดีโอคอลทางไลน์กับผู้ต้องหา โดยผู้ต้องหาจะปิดกล้องฝั่งตนเอง แต่จะให้ผู้เสียหายเปิดกล้องถ่ายไปที่หน้าจอโทรศัพท์เครื่องที่มีแอปพลิเคชันธนาคาร โดยจะให้ผู้เสียหายทำตามขั้นตอนการสมัครในแอปพลิเคชันธนาคาร ซึ่งในขั้นตอนนี้ฝั่งผู้ต้องหาจะใช้คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กในการวิดีโอคอลและบันทึกวิดีโอและภาพหน้าจอไว้โดยตลอด ทำให้ผู้ต้องหาเห็นยอดเงินที่มีอยู่ในบัญชีของผู้เสียหาย หากผู้เสียหายรายใดมียอดเงินคงเหลือในบัญชีน้อย ผู้ต้องหาจะให้ผู้เสียหายรวบรวมเงินจากบัญชีอื่นเข้ามาที่บัญชีดังกล่าว เพื่อให้มีเงินนอนบัญชีระดับหนึ่ง

โดยอ้างว่าจะทำให้ผ่านการอนุมัติง่ายขึ้น และอีก 1-2 วันผู้ต้องหาจะติดต่อไปอีกครั้ง แต่หากผู้เสียหายรายใดมีเงินอยู่ในบัญชีพอสมควร ผู้ต้องหาจะให้ผู้เสียหายทำตามขั้นตอนที่ผู้ต้องหาบอกทีละขั้นตอน ซึ่งจะเป็นการให้ผู้เสียหายเปิดบัตรเดบิต และปรับวงเงินรูดของบัตรสูงสุดเป็นหลักแสนบาท เมื่อผู้เสียหายสมัครบัตรเป็นที่เรียบร้อย ในเวลาเดียวกันนั้นผู้ต้องหาซึ่งบันทึกภาพหน้าจอขณะวิดีโอคอลไว้ตลอด จะนำเลข 16 หลักของบัตรเดบิต , รหัส CVV , วันหมดอายุบัตร

ไปทำการสั่งซื้อของมีค่าผ่านแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ โดยเมื่อมีรหัส OTP แจ้งเตือนไปยังโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย ผู้ต้องหาจะหลอกเอารหัส OTP ดังกล่าวมากรอกและสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ทำให้ยอดเงินในบัตรเดบิตของผู้เสียหายจะถูกตัดไปชำระค่าสินค้าที่ผู้ต้องหาสั่งซื้อในทันที จากนั้นผู้ต้องหาจะวางสายสนทนาและบล็อคช่องทางการติดต่อทันที

หลังจากที่ผู้ต้องหาสั่งซื้อของมีค่า เช่น ทองคำ ของแบรนด์เนม ผ่านแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ โดยมีการตัดยอดบัตรของผู้เสียหายไปแล้วนั้น ผู้ต้องหาจะให้ทางร้านค้าจัดส่งของไปยังสถานที่ที่ผู้ต้องหาไม่ได้อาศัยอยู่จริง โดยจะให้จัดส่งไปคอนโดต่างๆ ที่นิติบุคคลส่วนกลางไม่ค่อยเข้มงวดเรื่องการรับพัสดุ เช่น มีจุดวางกองรวมพัสดุ จากนั้นจะใช้บริการพนักงานขนส่ง (ไรเดอร์) ให้ไปรับของ และไปส่งตามจุดต่างๆ อีกทอดหนึ่ง ซึ่งภายหลังที่ผู้ต้องหาได้ของมีค่า หรือทองคำ มาแล้ว ผู้ต้องหาจะนำมาขายแปลงสภาพเป็นเงิน และนำมาใช้จ่าย เที่ยวเตร่ ซื้อทรัพย์สินมีค่า

จากการตรวจค้นและซักถาม พบว่าผู้ต้องหาใช้ชีวิตความเป็นอยู่ที่สุขสบาย ฟุ่มเฟือย ไม่ประกอบอาชีพอื่นใดนอกจากหลอกลวงประชาชนเป็นหลัก นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ต้องหามีการใช้รถยนต์หรูโดยซื้อด้วยเงินสด และชุดสืบสวนยังขยายผลพบข้อมูลในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้ต้องหา เป็นคลิปวิดีโอการบันทึกภาพหน้าจอขณะหลอกผู้เสียหายทั่วประเทศและภาพข้อมูลบัตรของผู้เสียหาย รวมเกือบ 400 ราย ในช่วงตั้งแต่กลางปี พ.ศ.2566 ถึง ปัจจุบัน
สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ

ทั้งนี้ ตำรวจสอบสวนกลาง ขอประชาสัมพันธ์เตือนภัย สำหรับประชาชนที่ต้องการสมัครบัตรเครดิตหรือทำธุรกรรมทางการเงินผ่านแพลตฟอร์มทางออนไลน์ต่างๆ ขอให้พิจารณาถึงวิธีการและขั้นตอนการสมัครก่อนทุกครั้ง โดยไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว หรือข้อมูลทางการเงินต่างๆ ทั้งนี้ ขอให้ระมัดระวังมิจฉาชีพที่อาจจะแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือเจ้าหน้าที่ธนาคาร ทำทีให้ความช่วยเหลือ ก่อนมุ่งหวังประโยชน์ทางทรัพย์สินอื่นๆ โดยเจ้าหน้าที่รัฐ หรือเจ้าหน้าที่ธนาคารตัวจริง จะไม่มีนโยบายขอข้อมูลส่วนตัวผ่านทางแชท โทรศัพท์ หรืออีเมล แต่อย่างใด

สำหรับประชาชนรายใดที่ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพในลักษณะดังกล่าว ขอให้รีบเข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและติดต่อธนาคารเพื่อทำการอายัดบัตร กรณีที่ทราบว่าช่องทางที่เงินออกเป็นร้านค้าหรือผู้ให้บริการใด ให้รีบติดต่อร้านค้าเพื่อยกเลิกธุรกรรมอีกช่องทางหนึ่ง
หากประชาชนรายใดที่เคยถูกคนร้ายหลอกลวงในลักษณะเดียวกัน สามารถนำหลักฐานติดต่อเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ป. เพื่อตรวจสอบว่าเป็นการกระทำของผู้ต้องหากลุ่มเครือข่ายนี้หรือไม่เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TNews

ไฟเขียว "4 มาตรการช่วยข้าวนา" ปี68/69 วงเงิน 5 หมื่นล้าน

39 นาทีที่แล้ว

ม.33–39–40 ได้หมด ประกันสังคมมอบสิทธิค่าทำศพ สูงสุด 50,000 บาท

54 นาทีที่แล้ว

โดนอีก ขาใหญ่ขอทานกัมพูชาขนลูกมาไทย ถูกจับส่งกลับ5รอบไม่เข็ด

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กรมอุตุฯเปิดพิกัดฝนถล่ม ฝนฟ้าคะนอง เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

อิหร่านยังไม่มีกำหนดเจรจานิวเคลียร์กับสหรัฐ

สำนักข่าวไทย Online

เปิดโผ! ครม.แพทองธาร2 นายกฯ ควบ รมว.วัฒนธรรม-พล.อ.ณัฐพล ขึ้น รมว.กลาโหม

JS100

เชียงรายอ่วม! น้ำป่าไหลหลากท่วม 5 อำเภอ กระทบกว่า 4,000 ครัวเรือน

WeR NEWS

เตรียมพร้อม! ชาวสงขลา ฮือบุก กทม.คืนนี้ ร่วมชุมนุมใหญ่ขับไล่รัฐบาล

เดลินิวส์

เจออีกแล้ว พบวัตถุต้องสงสัยซุกในหินปลอม วางป่วนอ่าวนาง พบตั้งเวลาไว้ 120 วัน

Khaosod

ความดัดจริต!! บอกที่ฮุนเซนแฉเป็นเรื่องเก่า สรุป… โอเคกันที่ทักษิณแกล้งป่วย??

TOJO NEWS

คุมเข้มชุมนุมใหญ่อนุสาวรีย์ชัย 28 มิ.ย. ขอประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทาง

สยามรัฐ

เมียนมาเผาทำลายยาเสพติด มูลค่ากว่า 297 ล้านดอลล์

Xinhua

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...