'ภูมิธรรม' ย้ำจุดยืนต้องการเห็นความจริงใจ 'กัมพูชา' ถอนกำลัง
ที่สถานนีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้เสนอให้ ไทย-กัมพูชาหยุดยิงโดยทันที พร้อมตั้งเงื่อนไขจะไม่เจรจาเรื่องภาษีนำเข้าสินค้า ว่า การหารือในครั้งนี้เป็นการหารือบนพื้นฐานที่เราได้ทำงานร่วมกันทุกส่วน เพราะก่อนหน้านี้ได้คาดการณ์ว่าสหรัฐอเมริกาจะพูดคุยเรื่องดังกล่าว จึงได้หารือกับส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่นกองทัพ อย่างไรก็ดีการพูดคุยไม่มีแค่ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ยังมี ประเทศจีนและ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนได้โทรศัพท์มาหาเช่นกัน ซึ่งได้ข้อสรุปคล้ายกันคืออยากเห็นสันติภาพ อยากเห็นการหยุดยิง เพราะเป็นห่วงพลเรือนไทย เกรงว่าการรบจะทำให้เกิดความสูญเสีย ซึ่งเขาไม่อยากเห็น
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ในการพูดคุยได้ เล่าให้ฟังว่าที่ผ่านมาไทยยึดหลักของสันติภาพและการเจรจา แต่มีการยิงเข้ามาถูกพลเรือนโดยไร้เป้าหมายทางทหาร ทำให้ต้องตอบโต้ในจุดที่เป็นฐานเป้าหมายทหาร เพราะเป็นปัญหาที่ทำลายมาถึงประชาชนไทย นอกจากนั้นได้รายงานไปว่าพลเรือนไทยเสียชีวิตประมาณ 15 คนและมีผู้บาดเจ็บประมาณ 50 คนและเราได้อพยพพลเรือนจากส่วนต่างๆออกมา 130,000 คนกระจายในศูนย์อพยพต่างๆ
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นเขาไม่ประสงค์ที่จะเห็น โดยระบุว่าถ้ายังไม่สามารถหยุดยิง เขาไม่พร้อมเจรจาทางการค้ากับทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งเราบอกว่าไม่มีปัญหา เพราะเป็นหลักการอยู่แล้ว แต่เงื่อนไขของเราคือต้องให้กัมพูชาสร้างความมั่นใจ เขาได้ขอบคุณ เพราะสิ่งที่เราเสนอไปเป็นเรื่องที่ดี จากนั้นเขาจะโทรศัพท์ไปหานายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
"ตอนนี้เราไม่ได้ต้องการให้ประเทศที่ 3 เข้ามาแทรกแซง แต่ขอบคุณที่เขาห่วงใยและสนับสนุน เราเสนอให้มีการพูดคุยกันระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศทั้ง 2 ประเทศ คุยให้จบว่าจะมีเงื่อนไขอย่างไรที่จะเป็นมาตรการในการหยุดจริง ถอยกำลังทหารและยุทโธปกรณ์วิถีไกลออก" นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่าจะเริ่มคุยกับทางกัมพูชาได้เมื่อใด นายภูมิธรรม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 26 ก.ค.ที่ผ่านมาเราให้รัฐมนตรีต่างประเทศคุยต่อ เข้าใจว่าวันนี้ (27 ก.ค.) ถ้านัดได้จะคุยได้กันเลย แต่วันนี้ตนได้ชวน รมว.ต่างประเทศดูพื้นที่จริงและที่เลือกจ.จันทบุรีและ จ.ตราด เพราะเป็นพื้นที่เปิดยุทธการใหม่ซึ่งมีการยิงกัน และพื้นที่ที่ผ่านมาเราได้ส่งรัฐมนตรีลงพื้นที่หมดแล้ว อยากให้ประชาชนคลายกังวลเรารู้ว่าเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากและเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะตามชายแดน ซึ่งเกิดขึ้นจากการกระทำของกัมพูชา
"เราประนามว่าเป็นอาชญากรระหว่างประเทศที่ทำร้ายพลเรือน ผิดข้อบังคับกฎหมายระหว่างประเทศทั้งหมด ส่วนในเรื่องของประชาชนวันนี้ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องโกลาหล ขณะที่เราได้เตรียมการบ้างแล้ว เราพยามแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ทางกระทรวงมหาดไทยได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดแล้วว่าให้ดำเนินการ อยากให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นว่า เราทำงานนึกถึงสิทธิประโยชน์หรือชีวิตทรัพย์สินของประชาชน" นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามต่อว่าเรายังไว้ใจกัมพูชาได้อยู่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนได้บอกนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าต้องทำให้มั่นใจว่ากัมพูชาจะไม่มีการพลิก ดังนั้นการเจรจาสันติภาพกับการขอให้หยุดยิงและนำยุทโธปกรณ์ออกจากพื้นที่ เป็นหลักประกันว่ามีความจริงใจที่อยากหยุดยิง เราประกาศมานานแล้ว เรื่องของการหยุดยิงเขาเพิ่งมาประกาศว่าอยากหยุดยิง และนำคำมาพูดเสมือนว่าเรารุกราน แต่เท่าที่ประเมินชัดเจนว่า
กัมพูชาเป็นฝ่ายรุกราน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราทำคือการปกป้องอธิปไตย ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่าส่วนเรื่องภาษีของสหรัฐฯ ก็ไม่มีปัญหาถ้าหยุดยิงเมื่อไร ก็จะมีการแจ้งทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งตนยังไม่สามารถพูดว่าเรื่องนี้จะยุติภายในวันที่ 1ส.ค.นี้ได้หรือไม่ เพราะต้องดูฝ่ายกัมพูชา หากทางกระทรวงต่างประเทศคุยสำเร็จเราจะต้องมีการปรึกษาหารือกับกองทัพเพราะขณะนี้กัมพูชาเปิดแนวลบยิงถึง 800 กิโลเมตรตั้งแต่อีสานลงมาถึงจังหวัดตราด ถึงแม้จะประกาศหยุดยิงก็ต้องมีการพูดคุยกันในรายละเอียด ตัวส่วนมองว่าแนวโน้มในเรื่องของภาษีจะไปในทางบวก เพราะเราดำเนินการอย่างเป็นมิตรกับทุกประเทศ