โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

ดร.ณัฏฐ์ เตือนแถลงข่าวสู้รัฐ ปมเขากระโดง อาจย้ำเจตนาใช้ที่ดินหลวง!

ไทยโพสต์

อัพเดต 5 สิงหาคม 2568 เวลา 17.17 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม ให้ความเห็นกรณีชาวบุรีรัมย์เตรียมแถลงข่าวกรณีที่ดินเขากระโดง ชี้แม้การรวมตัวถือเป็นสิทธิ แต่ในทางกฎหมายไม่มีผลระงับคำสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ หากออกโดยมิชอบ กฎหมายเปิดช่องให้ฟ้องละเมิดต่อหน่วยงานรัฐได้ ไม่ใช่การใช้เวทีสาธารณะตอบโต้เพื่อรักษาผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม

5 สิงหาคม 2568 - สืบเนื่องจากปมร้อนมหากาพย์เขากระโดง ชาวบุรีรัมย์ที่ถือครองที่ดิน 995 ราย ประกอบด้วย ประชาชนชาวบุรีรัมย์ ผู้ประกอบธุรกิจ และนิติบุคคล ผู้ที่มีชื่อในการครอบครองเอกสารสิทธิ์ทับที่ดินของการรถไฟฯ จำนวน 5,083 ไร่ โดยแจ้งหมายกำหนดการแก่ผู้สื่อข่าวจะแถลงข่าวและนำผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ภาคสนาม โดยกำหนดในวันที่ 7 สิงหาคม 2568 เวลา 10.30 น.สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยนายเนวิน ชิดชอบ ปธ.สโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มอบให้ทนายความเข้าร่วมแถลงข่าวด้วยนั้น
ล่าสุด “ดร.ณัฏฐ์” หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ให้ความเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะว่า มหากาพย์ทีดินเขากระโดง ที่เป็นที่ดินของรัฐ สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันเป็นที่ดินกรมรถไฟฯ สมัยนั้น ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 นำไปจัดทำบริการสาธารณะ เป็นประโยชน์แก่ประชาชนโดยรวม เป็นเรื่องที่น่าสนใจในแง่มุมกฎหมายมหาชน กรมที่ดิน เป็นหน่วยงานรัฐ ออกเอกสารสิทธิ์ทับที่ดินหลวงโดยไม่ชอบมาแต่แรก ปัจจุบัน นายภูมิธรรมฯ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้แถลงชัดให้ “เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยไม่ชอบ ให้กลับมาเป็นของรัฐ”
ก่อนหน้านี้ การใช้บังคับตามกฎหมายหรือตามหลักนิติรัฐถูกบิดเบือน ไม่เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของประเทศ ขัดต่อหลักนิติธรรมอย่างรุนแรง ตามที่พูดภาษาชาวบ้านว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐใช้อำนาจทางปกครอง นำ “คำสั่งทางปกครองมาหักกับคำพิพากษาศาลฎีกา”
การเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ จำนวน 995 แปลง/ราย ย่อมต้องยอมรับกันว่า ผลการเพิกถอนของกรมทีดินตามคำแถลงของ นายภูมิธรรมฯ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ย่อมส่งผลกระทบต่อภาคประชาชนที่สุจริตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ราษฎรหรือเอกชน แทบทุกรายอ้าง “หลักสุจริต” เพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนเอง ว่า “กรมที่ดินเอกสารสิทธิ์ (โฉนดทีดิน หรือ นส 3 ก.) โดยชอบด้วยกฎหมาย” แต่จะชอบด้วยกฎหมายเพียงใด ต้องไปต่อสู้กันในศาล เพื่อประวิงเวลาในการครอบครอง
โดยเอกชนหลายราย ได้มาซึ่งที่ดินแต่ละแปลงกัน มีความแตกต่างกัน บางรายได้มา โดยนิติกรรมการซื้อขายที่ดินกันเป็นทอดๆหลายทอดมาถึงปัจจุบัน หรือบางรายได้รับนิติกรรมเป็นการยกให้โดยเสน่หา หรือบางรายได้รับเป็นมรดกตกทอดทางสายโลหิต
จึงเป็นที่มาลุกขึ้นต่อสู้ นัดแถลงข่าวผ่านสื่อ เพื่อปกป้องสิทธิตนเอง หรืออาจกล่าวได้ว่า “ลุกฮือสู้อำนาจรัฐ”
จึงเกิดคำถามสวนกลับมา เหตุใดในยุค นายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรมว.มหาดไทย พรรคภูมิใจไทย ทำไม ไม่ใช้บังคับทางกฎหมายให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมายและตามหลักนิติธรรม ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 3 วรรคสอง
แต่มาที่ของที่ดินเขากระโดง แตกต่างจาก ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ที่เป็นของวัดธรรมิการาม
โดยที่ดินเขากระโดง เป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นที่ดินประเภทสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับประชาชนใช้ร่วมกัน

พูดภาษาชาวบ้านง่ายๆ ใช้สำหรับจัดสร้างขยายทางรถไฟ ลำเขากระโดง
ก่อนหน้านี้ ศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ กลับมาเป็นของการรถไฟฯหน่วยงานของรัฐ

โดยหลักคำพิพากษาในคดีแพ่ง จะผูกพันเฉพาะคู่ความ ไม่ผูกพันบุคคลภายนอกคดี ตาม ป.วิแพ่ง มาตรา 145
แต่มีข้อยกเว้น หากคำพิพากษาที่วินิจฉัยถึง “กรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินใดๆ” เป็นคุณแก่คู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ใช้ยันบุคคลภายนอกได้ เว้นแต่บุคคลภายนอกนั้นจะพิสูจน์ได้ว่าตนมีสิทธิดีกว่า เป็นไปตาม ป.วิแพ่ง มาตรา 145 (2)

สาธารณสมบัติของแผ่นดินเป็นทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ปพพ.มาตรา 1304 เอกชนหรือราษฎรครอบครองนานเพียงใด เอกชนจะยกอายุความขึ้นต่อสู้กับแผ่นดินไม่ได้ ตาม ปพพ.มาตรา 1306

พูดภาษาชาวบ้าน ง่ายๆว่า ที่ดินของหลวง ครอบครองนานเท่าใด หรือ ทำนิติกรรมซื้อขายโอนกรรมสิทธิ์ กันมากี่ทอดก็ตาม จะยกอายุความครอบครองต่อสู้กับรัฐไม่ได้

การนัดแถลงข่าวของ กลุ่มประชาชนในจังหวัดบุรีรัมย์ หากมองด้วยใจเป็นธรรม ไม่มีฐานอคติ ในแง่ว่า เป็นการปกป้องสิทธิของตนเอง แต่การแถลงข่าวถือเป็นสิทธิ แต่ในทางกฎหมายไม่มีผลทางกฎหมายใดๆ แต่เป็นการรวมตัวของบุคคลที่สูญเสียประโยชน์ แต่การขยายแผลให้เกิด ในที่ดินหลวงที่ได้มาโดยมิชอบ แม้จะอ้างหลักสุจริตก็ตาม กฎหมายเปิดช่องให้ดำเนินการได้ หากเป็นการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตาม พรบ.ความรับผิดละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 แต่การแถลงข่าว อาจมองในแง่บิดเบือน ยกระดับการต่อสู้อำนาจรัฐที่ไม่เป็นธรรม ในทางกลับกัน ยิ่งตอกย้ำว่า หวังผลประโยชน์ส่วนตัว ออกตัวแรง

ทำให้ตอกย้ำว่า หวังฮุบที่ดินของหลวง เท่ากับเป็นการ “ประจานตนเอง”ให้แก่สาธารณะชนรู้เพราะผลประโยชน์ในการครองครองตกเป็นประโยชน์ของผู้ครอบครอง อาจถูกตั้งคำถามร้อนแรงกลับว่า แล้วประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้ประโยชน์อะไร จากสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ทำให้กระแสตีกลับไปยังกลุ่มเอกชนผู้แถลงข่าว เพราะสถานที่จัดแถลงข่าวก็ดี เอาทนายหน้าหอ มานั่งร่วมแถลงข่าวก็ดี ล้วนปกป้องผลประโยชน์ส่วนตนจากการใช้ประโยชน์จากที่ดินหลวง

โดยการแถลงข่าวของกลุ่มนี้ เป็นสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ไม่มีผลทางกฎหมายให้ทุเลาการบังคับชั่วคราว

การใช้อำนาจของอธิบดีกรมที่ดินหรือรักษาราชการแทน ในการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นโฉนดที่ดิน,นส 3 ก.เป็นการใช้อำนาจ ตาม ป.ที่ดิน มาตรา 61 วรรคแปด ถือเป็น“คำสั่งทางปกครอง” ตามมาตรา 5 แห่ง พรบ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 มีผลผูกพันทางกฎหมายทันที
โดยคำสั่งทางปกครองมีผลทางกฎหมายต่อเนื่องตลอดไป จนกว่า จะมีองค์กรตุลาการหรือศาลปกครอง มีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอน

ราษฎรหรือเอกชน ที่ได้รับความเดือดร้อนหรือได้รับความเสียหาย กฎหมายเปิดช่องให้ 2 ช่องทาง

(1) ฟ้องละเมิดเรียกค่าเสียหายต่อกรมที่ดิน หน่วยงานของรัฐ แต่จะฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ได้ ตามมาตรา 5 แห่ง พรบ.ความรับผิดละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539

(2) อุทธรณ์คำสั่งเพิกถอนของอธิบดีกรมทีดิน ภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับทราบคำสั่ง เอกชนจะข้ามขั้นตอนไปฟ้องศาลปกครองทันทีไม่ได้ เพราะไม่เกิดอำนาจฟ้อง
แต่ข้อพิพาทหน่วยงานรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทำละเมิด หรือออกคำสั่งทางปกครองไม่ชอบ ต้องไปฟ้องศาลปกครองชั้นต้น ตามเขตอำนาจ ตาม มาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) (3) ประกอบมาตรา 72 แห่ง พรบ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 โดยขอให้ศาลปกครองใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา หรือเรียกว่า “ทุเลาการบังคับ”
ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า “คุ้มครองชั่วคราว”

การฟ้องคดีต่อศาลปกครองเพิกถอนกฎหรือคำสั่งทางปกครอง ไม่เป็นการทุเลาการบังคับ เว้นแต่ศาลจะสั่งเป็นอย่างอื่น ตามระเบียบที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยการพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 ข้อ 69 วรรคหนึ่ง
อธิบายได้ว่า การฟ้องคดีของเอกชนต่อศาลปกครอง ไม่เป็นการทุเลาคำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดิน การอยู่ในที่ดินของการรถไฟ ย่อมผิดกฎหมาย ตราบใดที่ศาลไม่ทุเลาการบังคับ

แต่ในคดีปกครอง เงื่อนไขหลัก ในการใช้มาตรการหรือวิธีการใดๆ เพื่อบรรเทาทุกข์ให้แก่คู่กรณีที่เกี่ยวข้องเป็นการชั่วคราวก่อนพิพากษาตามเงื่อนไข มาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติเดียวกันและระเบียบที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยการพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 ข้อ 69,72

เอกชนคู่กรณีจะต้องบรรยายและมีพยานหลักฐานชี้ชัดว่า “เป็นความจำเป็นเร่งด่วนและยากแก่การแก้ไขเยียวยาในภายหลัง” ทั้งจะต้องได้ความว่า (1)ต้องเป็นความเสียหายร้ายแรง ที่อาจเกิดขี้นก่อนมีคำพิพากษา (2) ความเสียหายนั้นยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลัง (3) ไม่เป็นอุปสรรคในการบริหารงานรัฐหรือการจัดทำบริการสาธารณะ

อธิบายภาษาชาวบ้านได้ว่า หากศาลปกครองมีคำสั่งทุเลาการบังคับหรือที่เรียกกันว่า คุ้มครองชั่วคราว สามารถอยู่ในที่ดินต่อเนื่องได้ ไม่ผิดกฎหมาย และอยู่ได้ จนกว่าศาลจะตัดสินและคดีถึงที่สุด
แต่หากศาลไม่คุ้มครองชั่วคราว หากฝ่าฝืนอยู่ในที่ดินต่อไป ผิดกฎหมาย เป็นการกระทำละเมิดแก่การรถไฟฯหน่วยงานรัฐ อีกส่วนหนึ่ง ตรงนี้ การรถไฟฯใช้สิทธิทางกฎหมายได้
ส่วนการครอบครองที่ดินเขากระโดง เอกชนกลุ่มนี้ ไม่สามารถครอบครองที่ดินของรัฐได้อีกต่อไป ไม่ก่อให้เกิดสิทธิครอบครองใหม่ และไม่อาจนับระยะเวลาครอบครองปรปักษ์ยกขึ้นต่อสู้รัฐได้ เพราะการอยู่โดยฝ่าฝืน เป็นการกระทำละเมิดแก่เจ้าของที่ดิน ตาม ปพพ.มาตรา 420 การรถไฟฯ ย่อมใช้สิทธิฟ้องฐานละเมิดเรียกค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยต่อเอกชนรายนั้นได้ เพราะความเสียหายในความผิดฐานละเมิดนับแต่วันที่ถูกกระทำละเมิด

ส่วนภายหลังอธิบดีกรมที่ดินหรือรักษาการแทนอธิบดีกรมที่ดินใช้อำนาจทางปกครองเพิกถอนเอกสารสิทธิตามคำพิพากษาศาลฎีกา การรถไฟฯ อาจใช้ช่องทางตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี นำเจ้าพนักงานบังคับคดี ในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างได้ทันที หากเอกชนไม่รื้อถอน

หรืออีกช่องทางหนึ่ง วิธีการประนีประนอม แจ้งให้เอกชนรื้อถอนและให้ย้ายออก หากเพิกเฉย การรถไฟฯอาจใช้ช่องฟ้องทางฟ้องฐานละเมิด เรียกค่าเสียหาย ต่อเอกชนรายแปลงก็ได้ ส่วนในคดีอาญา การรถไฟแจ้งเอกชนแต่ละรายให้ย้ายออกแต่ไม่ออก แม้จะโต้แย้งกรรมสิทธิ์ อ้างว่ารอศาลปกครองตัดสินถึงที่สุด แต่มิใช่เป็นการโต้แย้งกรรมสิทธิ์ระหว่างเอกชนกับเอกชนด้วยกัน ย่อมเป็นความผิดฐานร่วมกันบุกรุก แม้การครอบครองทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ต่อเนื่องกันแต่ให้นับอายุความนับแต่วันแรก ที่รู้ตัวและรู้เรื่องกระทำความผิด

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

‘ภูมิธรรม’ งัวเงียตื่น! สั่งในครม. เอาคืนเขมรฟ้องอาญา-แพ่ง ระดับโลก ฐานยิงพลเรือนไทย เล่นผู้สั่งการด้วย

40 นาทีที่แล้ว

‘วิโรจน์’ แนะ ‘ฮุนมาเน็ต’ เร่งเก็บศพ หนุนกองทัพเข้ารูปเข้ารอย ลั่นยอมให้ทัวร์เขรมลง

49 นาทีที่แล้ว

ได้เวลาแย่งชามข้าว ‘สรวงศ์’ ลั่นเก้าอี้รองประธานสภาฯคนที่ 1 โควตาพท. งง ‘กล้าธรรม’ กล้าขอ

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เงินเยียวยาวีรบุรุษ ส่อน้อยกว่าที่แดงเผาเมืองได้รับ ‘มท.1’ อ้างเพิ่มให้ไปแล้ว

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ครม. เตรียมฟ้อง “กัมพูชา” รุกราน “ไทย” ทั้งแพ่ง-อาญา ในระดับโลก

Thaiger

พลภูมิ นำทีม ส.ก.เพื่อไทย แจ้งความ ไอซ์ รักชนก หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ปมโพสต์บิดเบือน-ใส่ร้าย

MATICHON ONLINE

ทอ.ยืนยันข่าวปลอม หลัง กัมพูชาอ้าง ระเบิด MK-84 เป็นของไทย

Thai PBS

"สว.นันทนา" ร้องเหตุถูกกันพยานเข้า “กรรมการจริยธรรม สว.“ ด้านทนายกระดูกเหล็ก ย้อนถาม “สว.ขายหมู” ยังไม่เดือดร้อน มีนัยยะอะไรเดือดแทน

THE ROOM 44 CHANNEL

ทอ.- ทบ.โต้ กัมพูชา ยันไม่เคยจัดซื้อระเบิด MK-84 จากอิสราเอล แนะเหมนให้ฝ่ายเป็นกลางตรวจสอบ

ไทยโพสต์

“บิ๊กเล็ก” เผย ถก GBC ไทยเสนอ 8 ข้อ แปลกใจ “กัมพูชา” ไม่เตรียมข้อเสนอ แค่รับฟังไปบอกเจ้านาย

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

ข่าวและบทความยอดนิยม