สหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้าได้อีก 2 ประเทศ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ข้อความบน Truth Social ระบุว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับฟิลิปปินส์แล้ว ทั้งนี้ สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากฟิลิปปินส์ในอัตรา 19% หลังจากที่ก่อนหน้านี้สหรัฐขู่เรียกเก็บภาษีในอัตรา 20% ขณะเดียวกัน ฟิลิปปินส์จะเปิดตลาดเสรีให้แก่สินค้าจากสหรัฐ โดยฟิลิปปินส์จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตรา 0% นอกจากนี้ สหรัฐและฟิลิปปินส์จะร่วมมือกันด้านการทหาร ปธน.ทรัมป์โพสต์ข้อความดังกล่าว หลังประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ผู้นำฟิลิปปินส์ ได้เดินทางเยือนทำเนียบขาวในวันนี้ (22 ก.ค.)
ขณะที่ช่วงเช้านี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศว่า สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่นแล้ว โดยจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นในอัตรา 15% ลดลงจากก่อนหน้านี้ที่ขู่ว่าจะเรียกเก็บในอัตรา 25%
ปธน.ทรัมป์โพสต์ข้อความบนทรูธ โซเชียล (Truth Social) ในวันอังคาร (22 ก.ค.) ว่า เขาได้ทำ "ข้อตกลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา" กับญี่ปุ่น โดยเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariffs) ในอัตรา 15% สำหรับสินค้าญี่ปุ่นที่ส่งเข้าไปยังสหรัฐฯ
ปธน.ทรัมป์ยังระบุด้วยว่า ญี่ปุ่นจะลงทุนมูลค่า 5.50 แสนล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ และสหรัฐฯ จะได้รับผลกำไร 90% นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวว่าญี่ปุ่นจะเปิดประเทศเพื่อทำการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงรถยนต์ รถบรรทุก ข้าว และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรบางชนิด ตลอดจนสินค้าชนิดอื่น ๆ โดยข้อตกลงนี้จะสร้างงานหลายแสนตำแหน่ง
ย้อนไปเมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้ระบุในจดหมายที่ส่งถึงญี่ปุ่นว่า สหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่นในอัตรา 25% ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. ซึ่งสูงกว่าอัตรา 24% ที่ประกาศไปเมื่อวันที่ 2 เม.ย.
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวภายหลังการประกาศดังกล่าวว่า ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ กำลังจะสรุปข้อตกลงเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับก๊าซธรรมชาติเหลว และเสริมว่า "เราจะมีข้อตกลงกับยุโรปในวันพรุ่งนี้" โดยไม่ได้ระบุรายละเอียดใด ๆ
หลังจากปธน.ทรัมป์ประกาศข้อตกลงดังกล่าวไม่นาน เรียวเซ อากาซาวะ หัวหน้าคณะผู้เจรจาของญี่ปุ่น ได้โพสต์เกี่ยวกับข้อตกลงดังกล่าวบนเอ็กซ์ (X) โดยระบุว่า "ขอขอบคุณทุกท่านที่เกี่ยวข้องจากใจ" และระบุด้วย "#ภารกิจสำเร็จลุล่วงแล้ว"
การประกาศข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่พรรคร่วมรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ สูญเสียเสียงข้างมากในการเลือกตั้งวุฒิสภาญี่ปุ่น ซึ่งทำให้หลายฝ่ายวิตกกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานะการเจรจาการค้าของญี่ปุ่น
ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์