โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

อาชญากรรม

‘ดร.น้ำแท้’ ชี้คดีน้องเมยสะท้อนศาลทหารไร้อิสระ-แนะฟ้องแพ่ง ชี้หาก พ.ร.บ.อุ้มหายฯ มีผล ต้องขึ้นศาลพลเรือน

เดลินิวส์

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
“ดร.น้ำแท้” มือยกร่าง พ.ร.บ.อุ้มหายฯ สะท้อนความเห็น “คดีน้องเมย” หลัง “ศาลทหารสูงสุด” พิพากษาชั้นฎีกา จำคุกรุ่นพี่ 4 เดือน 16 วัน แต่รอลงอาญา 2 ปี ระบุ คดีน้องเมย จะทำให้สังคมตระหนักถึง “การขาดอิสระของศาลทหาร-การปกป้องกันเองของกลุ่มคน” ระบุ นับเป็นความเสียใจอย่างยิ่งที่เหตุการณ์เกิดขึ้นก่อน “พ.ร.บ.อุ้มหายฯ” บังคับใช้ ชี้เจตจำนงกฎหมายจะช่วยคุ้มครองญาติและครอบครัวผู้ตาย เพราะตัดอำนาจศาลทหาร และทุกคดีต้องขึ้นศาลอาญาคดีทุจริตฯ แนะครอบครัวน้องเมย เดินหน้าฟ้องแพ่งเรียกร้องชดใช้ค่าเสียหาย

สืบเนื่องจากคดีการเสียชีวิตของ “นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์” หรือ “น้องเมย” นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 (นตท.ปี 1) โรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นปีการศึกษา 2560 โดยเมื่อวันที่ 17 ต.ค.60 น้องเมยเสียชีวิตในโรงเรียนเตรียมทหาร หลังมีอาการไม่สบายในช่วงเช้า และถูกลงโทษทางวินัยหรือที่เรียกในวงการทหารว่า “ธำรงวินัย” โดยรุ่นพี่ชั้นปีที่ 2 กระทั่งล่าสุดวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลทหารสูงสุดมีคำพิพากษาชั้นฎีกา ให้ยืนตามศาลชั้นอุทธรณ์ ว่าจำเลยซึ่งเป็นรุ่นพี่มีความผิดทำร้ายร่างกาย ทำโทษโดยฝ่าฝืนคำสั่งกลุ่มนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร นอกจากนี้ ศาลเห็นว่า ด้วยอายุจำเลย ไม่เคยได้รับโทษ การจะลงโทษจำเลยไป ก็ไม่เป็นประโยชน์ ให้จำเลยปรับปรุงตัว รับราชการ รับใช้ชาติต่อไป จะเป็นประโยชน์มากกว่า จึงพิพากษาโทษจำคุก 4 เดือน 16 วัน ปรับ 15,000 บาท และให้รอลงอาญา 2 ปี จนเป็นเหตุให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมถึงสัดส่วนการรับผิดชอบของผู้กระทำความผิด ขณะที่ผู้เสียชีวิตและครอบครัวคล้ายไม่ได้รับความเป็นธรรมในตลอด 8 ปีที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 23 ก.ค. “ทีมข่าวอาชญากรรมเดลินิวส์” สอบถามมุมมองความคิดเห็นกับ ดร.น้ำแท้ มีบุญสล้าง อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการวิสามัญพิจารณา พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 หรือ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งบุคคลสำคัญที่ร่วมยกร่างกฎหมาย พ.ร.บ.อุ้มหายฯ

โดย ดร.น้ำแท้ สะท้อนความเห็นว่า สาระสำคัญการมี พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ก็เพื่อผลักดันให้การกระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจในการบังคับใช้กฎหมายได้กระทำต่อพลเรือน หรือแม้กระทั่งนักเรียนเตรียมทหารกระทำต่อกันเองหรือผู้บังคับบัญชากระทำต่อทหารเกณฑ์ พลทหารกระทำต่อพลทหารด้วยกันเอง เป็นต้น คดีจะต้องขึ้นสู่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบทั้งหมด

ทั้งนี้ ระหว่างนั้นบุคคลที่กระทำผิดอาจถูกพิจารณาให้ออกจากราชการไว้ก่อนไปแล้วด้วยซ้ำ และครอบครัวผู้เสียชีวิตเองก็จะได้รับการคุ้มครองจากฎหมาย ไม่ใช่ว่าทหารกระทำต่อกัน แล้วต้องเอาสำนวนคดีขึ้นศาลทหาร กรณีนี้ก็ถือเป็นโอกาสให้สังคมได้ตระหนักแล้วว่าศาลทหาร หรือกรณีการปกป้องกันเองของกลุ่มคน จะเกิดการลงโทษในกลุ่มคนเดียวกันหรือไม่ อีกทั้งศาลทหารก็ไม่ได้มีความอิสระเหมือนศาลยุติธรรม

ดร.น้ำแท้ ระบุว่า สำหรับมาตรา 42 ของ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ได้ระบุว่า “ผู้บังคับบัญชาผู้ใดทราบว่าผู้ใต้บังคับบัญชาซึ่งอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของตนจะกระทำหรือได้กระทำความผิดตามมาตรา 35 มาตรา 36 มาตรา 37 หรือมาตรา 38 และไม่ดำเนินการที่จำเป็นและเหมาะสม เพื่อป้องกันหรือระงับการกระทำความผิด หรือไม่ดำเนินการหรือส่งเรื่องให้ดำเนินการสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมาย ต้องระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ผู้บังคับบัญชาตามวรรคหนึ่งจะต้องเป็นผู้ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบและมีอำนาจควบคุมการกระทำ ซึ่งเกี่ยวข้องกับความผิดฐานกระทำทรมาน ความผิดฐานกระทำการที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือ ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หรือความผิดฐานกระทำให้บุคคลสูญหาย” ซึ่งมาตรานี้คือการปิดช่องโหว่ที่ผู้บังคับบัญชาจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ ถือว่าเป็นการปิดช่องของการซ่อมหรือธำรงวินัย

อย่างไรก็ตาม ดร.น้ำแท้ ระบุว่า นับเป็นเรื่องเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่จะมีกฎหมายอุ้มหายซ้อมทรมานบังคับใช้ แต่ตนอยากเรียนให้ทราบว่าปัจจุบันนี้ก็มีคดีลักษณะนี้เกิดขึ้น หรือในอนาคตอาจจะมีเหตุการณ์คล้ายลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นอีก เหล่านี้คือตัวอย่างที่ว่าความไม่เป็นธรรมมันเกิดขึ้น ซึ่ง พ.ร.บ.อุ้มหายฯ จะขับเคลื่อนให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต หรือครอบครัวผู้ได้รับบาดเจ็บในอนาคตจะได้รับความเป็นธรรมจากกฎหมายอย่างแน่นอน

ดร.น้ำแท้ กล่าวด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจากคำพิพากษาของศาลทหาร นับว่าไม่ใช่ครั้งแรก แต่ในกรณีดังกล่าวยังถือว่ามีความคืบหน้าในส่วนของมีการฟ้อง มีคำพิพากษา หากเป็นสมัยก่อนเรื่องอาจไม่ขึ้นสู่ศาลทหาร เพราะถูกตีตกไปก่อน ซึ่งก็อาจไม่ได้รับความเป็นธรรมตั้งแต่ต้น อย่างไรก็ดี คำชี้แนะต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต คือ การเดินหน้าฟ้องในส่วนของคดีแพ่ง เพื่อจะได้รับการชดใช้เยียวยาต่อไป เพราะสามารถดำเนินการในส่วนทางแพ่งได้นับตั้งแต่ศาลมีคำพิพากษาตัดสิน.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

วัยรุ่นทรงAเขมร-ไทยตะลุมบอนปราสาทตาเมือนธม ทหารเข้าห้ามเหตุการณ์สงบลงได้ทัน

25 นาทีที่แล้ว

‘ป่อเต็กตึ๊ง’ มอบอุปกรณ์ทำอาชีพ วีลแชร์ จักรยาน เตียงผู้ป่วย แก่ รร.ในศรีสะเกษ และรพ.ในอุบลราชธานี

38 นาทีที่แล้ว

สอบเส้นเงิน มจร.-วัดนครสวรรค์ โยงเงินบริจาค 30 ล้าน-กู้ยืมวัด 60 ล้าน โฉนดปริศนาโผล่กุฏิเจ้าอาวาส

44 นาทีที่แล้ว

‘โม มนชนก’ สาดความแซ่บ อวดหุ่นเป๊ะในชุดว่ายน้ำ แฟนคลับแห่ซูมความปังไม่ยั้ง!

44 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความอาชญากรรมอื่น ๆ

ส่งตัวทหารเหยียบกับระเบิดช่องอานม้า 4 นาย รักษา ต่อรพ.ค่าย

Amarin TV

อัปเดต! 5 ทหารไทย เหยียบกับระเบิดช่องอานม้า

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

ฟันคดีเพิ่ม รีสอร์ต "จอนนี่ มือปราบ" ลักลอบเปิดกิจการไม่มีใบอนุญาต

Amarin TV

ดส. จับวัยรุ่นค้าอาวุธเถื่อนประกอบเอง ขายผ่านทางแอปฯ ยึดได้เพียบ

สวพ.FM91

เดินหน้าล่าตัว "ก๊กอาน" หนีออกนอกไทยแล้ว ขยายผลเส้นเงินสู่เครือข่ายแก๊งคอลฯ

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

รวบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปอยเปตสาย 2 ปลอมเป็น ตร.มุกดาหาร หลอกโอนเงิน เผยเคยได้ค่าคอมฯ สูงถึงหลักแสน

สวพ.FM91

กองทัพบกขอประณามกัมพูชา ลอบวางทุ่นระเบิดในพื้นที่ชายแดนช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลฯ เป็นเหตุให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสาหัส

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

รวบ 4 โจรเท้าเปล่าขึ้นบันได 654 ขั้นขโมยเงินในตู้บริจาค

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

ข่าวและบทความยอดนิยม

รักพังเพราะ “9 บาท”? หนุ่มโพสต์สุดช้ำ แฟนบอกเลิกกลางวงข้าว หลังขอหารค่าอาหารไม่ครบ

เดลินิวส์

ผวจ.ขอนแก่นเดือด! ข้าราชการ-พระเสพยาเพียบ อาจารย์มหา’ลัยยังพัวพัน ลั่น “ให้ออกหมด!”

เดลินิวส์

วินาศสันตะโร! บรรทุกเบรกแตกโค้งร้อยศพ ชนรวด 5 คันดับสยอง 3 เจ็บ 8

เดลินิวส์
ดูเพิ่ม
Loading...