กัมพูชางดซื้อน้ำมันไทยกระทบผู้ค้าไม่แรง เหตุขายให้แค่ 5%
นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีที่ประเทศกัมพูชาประกาศงดซื้อน้ำมันจากไทยว่า ปัจจุบันผู้ค้าน้ำมันจากค่ายบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จํากัด (มหาชน) หรือโออาร์ (OR) ได้แจ้งว่ายังสามารถรับมือได้และยังไม่ได้ส่งผลกระทบรุนแรงแต่อย่างใด
โดย OR มีปั๊มน้ำมันในกัมพูชาประมาณ 160 แห่ง ซึ่งไทยส่งออกน้ำมันให้กัมพูชาประมาณ 6 ล้านลิตรต่อวัน คิดเป็น 5% ของความต้องการใช้น้ำมันในไทยทั้งสิ้น 130 ล้านลิตรต่อวัน
ทั้งนี้ จากการสอบถามข้อมูล OR พบว่าทางปั๊มน้ำมัน OR ในกัมพูชายังไม่มีปัญหา แต่หันไปรับน้ำมันจากประเทศสิงคโปร์เพื่อมาจำหน่ายแทน โดยขอย้ำว่าไทยไม่ได้ปฏิเสธการขายน้ำมันให้กัมพูชา แต่ทางกัมพูชาเป็นผู้ยกเลิกการซื้อน้ำมันจากไทยเอง
ดังนั้นน้ำมันส่วนที่เหลือจากขายให้กัมพูชา ทางไทยจะหันไปขายในตลาดอื่นซึ่งยังมีความต้องการแทน ซึ่งยังไม่ได้กระทบต่อไทยมากนัก แต่กรมฯ ก็ยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
อย่างไรก็ดี กรมฯยังคงติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางจากการสู้รบระหว่างอิหร่านและอิสราเอล เพื่อเตรียมรับมือผลกระทบด้านปริมาณน้ำมันที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศไทย
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าใน 60 วันหลังจากนี้ไทยยังมีน้ำมันเพียงพอต่อความต้องการใช้แน่นอน เนื่องจากไทยมีสำรองน้ำมันดิบตามกฎหมายอยู่ 21.5 วัน ,น้ำมันสำเร็จรูปอีก 3.5 วัน
นอกจากนี้ยังมีน้ำมันที่ภาคเอกชนสำรองเกินจากความต้องการขายอีก 14 วัน และน้ำมันที่อยู่ในเรือซึ่งกำลังเดินทางมายังประเทศไทยซึ่งใช้ได้อีก 21 วัน
อีกทั้งไทยยังมีความพร้อมด้านก๊าซธรรมชาติ ซึ่งนอกจากก๊าซฯ ในอ่าวไทยแล้วยังมีก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากประเทศกาตาร์อีก 2 ลำเรือ ปริมาณ 7 หมื่นตันต่อลำ ที่จะเข้ามายังประเทศไทย ดังนั้นในเดือน ก.ค. 2568 นี้ กรมฯ มีความมั่นใจว่าพลังงานในไทยยังมีเพียงพอรองรับความต้องการใช้ของประชาชน
อย่างไรก็ตามหากในอนาคตเกิดการสู้รบที่รุนแรงมากขึ้น รวมถึงมีการปิดช่องแคบฮอร์มุชที่ใช้เป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันทางเรือมายังเอเชีย อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันในไทย หากสถานการณ์รุนแรงขึ้นไทยก็มีมาตรการรองรับไว้แล้ว เช่น มาตรการประหยัดน้ำมัน รวมถึงการทำงานที่บ้าน (Work from home) จะทำให้เกิดการประหยัดน้ำมันในประเทศได้มาก เป็นต้น