รัฐประหาร จุดเสี่ยง เศรษฐกิจ
เศรษฐกิจไทยเผชิญกับปัจจัยรุมเร้ามากมาย จากเสถียรภาพของรัฐบาลที่ไม่มั่นคง
ผ่านไปแล้วกับครึ่งปีแรก 2568 เศรษฐกิจไทยเผชิญกับปัจจัยรุมเร้ามากมาย ทั้งจากเสถียรภาพของรัฐบาลที่ไม่มั่นคง คดีอดีตนายกฯทักษิณ วิกฤตศรัทธานายกฯอิ๊งค์ สงครามการค้า หรือหนี้ครัวเรือนไทยสูง ปัจจัยเหล่านี้ล้วนกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ สะท้อนมายังตัวเลขจีดีพี ที่ล่าสุดสำนักวิจัยต่าง ๆ
ได้ออกมาปรับลดประมาณตัวเลขทั้งปีลง โดยสภาพัฒน์นำร่องปรับลดจีดีพีปี 2568 เหลือ 1.8% และล่าสุด มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย หั่นตัวเลขเหลือ 1.7% จากเดิม 3%
ดังนั้นเมื่อภาพรวมเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกเผชิญกับแรงกดดันมากมาย แล้วเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังจะเป็นอย่างไร เรื่องนี้ "รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย" อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษา ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ บอกว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยยังมีความไม่แน่นอนสูง จากมาตรการทางภาษีของสหรัฐที่ไทยกำลังจะเข้าสู่การเจรจาในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ อาทิ ระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ที่มีนัยยะสำคัญต่อราคาน้ำมันดิบ อัตราเงินเฟ้อและนโยบายการเงินทั่วโลก
อีกทั้งความตึงเครียดพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาซึ่งล่าสุด มีมาตรการคุมเข้มการเข้าออกตามแนวชายแดน ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวล่าช้าจากนักท่องเที่ยวจีนที่การขยายตัวลดลง รวมถึงเสถียรภาพของรัฐบาล จากกรณีคลิปเสียงของนายกฯ ดังนั้นจากปัจจัยเสี่ยงรอบด้านทั้งหมด จึงทำให้มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2568 ลง
ด้าน "รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ" คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมือง เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อเศรษฐกิจไทย โดยระบุว่า หากประเทศไทยไม่สามารถแก้ไขปัญทางการเมือง ได้ด้วยกลไกรัฐสภาและครรลองของระบอบประชาธิปไตย และ เกิดมีรัฐประหารขึ้นมาอีก นอกจากเศรษฐกิจไทยจะเผชิญกับวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจอันเป็นผลจากการขาดความเชื่อมั่น ต่อระบบสถาบันต่าง ๆ ในสังคมไทยแล้ว เราจะเข้าสู่ทศวรรษแห่งความถดถอย และสูญหายอีกครั้งหนึ่ง ปิดโอกาส "ประเทศไทย" ในการก้าวสู่ประเทศพัฒนาแล้วในทันที
"รศ. ดร. อนุสรณ์" กล่าวอีกว่า ความเสี่ยงทางการเมืองจะฉุดรั้งภาคการลงทุนและชะลอ การลงทุน โครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทย การลงทุนเพื่อพัฒนาทักษะแรงงาน ลงทุนวิจัยและนวัตกรรมจะไร้ทิศทางและขาดประสิทธิภาพและประสิทธิผลจากความไม่แน่นอนของนโยบาย ความไม่ต่อเนื่อง และไม่มีเสถียรภาพทำให้นักลงทุนต่างชาติไม่กล้าเข้ามาลงทุนโครงการขนาดใหญ่และระยะยาวในประเทศไทย
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ อยู่ในระดับต่ำในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา กระเตื้องขึ้นเล็กน้อยในระยะหลัง แต่ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอาเซียนอย่างมาก นอกจากนี้ ปัญหาวิกฤติทางการเมืองที่เกิดขึ้น จะกดทับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังและต่อเนื่องถึงปีหน้าได้ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดีขึ้น
จากนี้ต่อไปจะต้องจับตาการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้อย่างใกล้ชิด เพราะไม่ได้เพียงแต่มีประเด็นสงครามการค้าเข้ามากดดันเท่านั้น แต่การเมืองไทยที่ร้อนแรงขึ้น นักวิเคราะห์ มองว่า อาจเพิ่มความเสี่ยง DOWNSIDE ต่อ จีดีพีไทย เพราะหากการอนุมัติงบประมาณล่าช้า อาจทำให้เม็ดเงินที่จะออกมากระตุ้นเศรษฐกิจไทยในระยะถัดไปขัดสนได้นั่นเอง
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews