โลกแห่ลงทุน 'จังก์บอนด์' เปิดรับความเสี่ยง 'ตราสารหนี้ขยะ' เต็มสูบ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นักลงทุนในกลุ่มตราสารหนี้ชั้นขยะ หรือ "จังก์บอนด์" (Junk bonds) ในสหรัฐ กำลังแห่ลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดกันเพิ่มมากขึ้น แม้ว่านักวิเคราะห์และนักลงทุนชื่อดังหลายราย รวมถึง "เจมี ไดมอน" กำลังเตือนว่าแวลูเอชันของตลาดตราสารหนี้กำลังตึงตัวก็ตาม
รายงานระบุว่า ตราสารหนี้ที่มีอันดับเครดิตในช่วง CCC มีการลงทุนเพิ่มขึ้น 0.75% ในเดือนก.ค. นี้จนถึงวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สูงกว่าตราสารหนี้ในเทียร์อื่นๆ ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงกลุ่มที่ได้รับการแนะนำให้ลงทุน (investment-grade)
ในบรรดาตราสารหนี้จังก์บอนด์นั้น กลุ่มที่มีอันดับเครดิตสูงที่สุดหรืออยู่ในเทียร์ BB เป็นกลุ่มทีมีผลการดำเนินงาน"แย่ที่สุด" ซึ่งหมายความว่านักลงทุนกำลังเทขายตราสารหนี้ชั้นขยะที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า และยอมหันไปเสี่ยงมากขึ้นลงทุนในจังก์บอนด์กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงกว่า แต่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด
ทิศทางนี้กำลังเปลี่ยนแปลงไปจากสถานการณ์เมื่อเดือนมี.ค.-เม.ย. ซึ่งในครั้งนั้นความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับนโยบายภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ กระตุ้นให้จังก์บอนด์ในกลุ่ม BB มีผลการดำเนินงานที่ดีที่สุดในตลาดตราสารหนี้ขยะ "แต่ปัจจุบันความกังวลเหล่านั้นเริ่มจางหายไป" ตลาดหุ้นกำลังทำจุดสูงสุดใหม่ ATH และนักลงทุนต่างกระตือรือร้นที่จะรับความเสี่ยงได้มากขึ้น
โรเบิร์ต ทิปป์ หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนของ PGIM Fixed Income ให้สัมภาษณ์ว่า"เมื่อนักลงทุนเริ่มรู้สึกสบายใจมากขึ้น พวกเขาก็เริ่มเปิดรับความเสี่ยง"
นักลงทุนชื่อดังแห่เตือน
ไม่ใช่นักลงทุนทุกคนจะมองแง่ดีในเรื่องนี้ ผู้สังเกตการณ์ตลาดบางรายยังไม่มั่นใจว่าภาพรวมตลาดเครดิตกำลังดีขึ้น
"เจมี ไดมอน" ซีอีโอของ JPMorgan Chase & Co. กล่าวในสัปดาห์นี้ว่า ส่วนต่างของเครดิตนั้น “ต่ำผิดปกติเล็กน้อย” โดยเป็นการย้ำอีกครั้งหนึ่งเดือนหลังจากที่เขาเคยกล่าวไว้ว่าหากเขาเป็นผู้จัดการกองทุน เขาจะไม่ซื้อตราสารหนี้
ขณะที่ "เจฟฟรีย์ กันด์ลัช" ซีอีโอของ DoubleLine Capital กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า บริษัทของเขามีการจัดสรรตราสารหนี้ผลตอบแทนสูง (จังก์บอนด์) "ต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีมา" เนื่องจากการประเมินมูลค่าไม่ได้สะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริง
ส่วนผู้ซื้อบางรายที่ไม่ชอบความเสี่ยงกำลังเทขายจังก์บอนด์และหันมาซื้อตราสารหนี้เกรดการลงทุนแทน ทำให้ส่วนต่างผลตอบแทนระหว่างจังก์บอนด์ในกลุ่มบนที่มีเครดิต BB และตราสารหนี้เกรดการลงทุน BBB ในวันพฤหัสบดีอยู่ที่เพียง 0.75 bsp ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1.2 bsp ซึ่งหมายความว่านักลงทุนสามารถซื้อตราสารหนี้ BBB จากบริษัทขนาดใหญ่และได้รับผลตอบแทนที่ไม่ได้ต่ำกว่าตราสารหนี้ BB มากนัก
ราจีฟ ชาร์มา กรรมการผู้จัดการฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้ของ Key Private Bank กล่าวว่า ปัจจุบันบอนด์ในกลุ่ม BB มีความน่าสนใจน้อยลงสำหรับทั้งผู้ซื้อที่ยินดีรับความเสี่ยง และผู้ซื้อที่ต้องการเพิ่มคุณภาพ (มากกว่า CCC) เพื่อลดความไม่แน่นอน
“จังก์บอนด์ BB กำลังติดแหง็กอยู่ในระดับกลางๆ โดยไม่ได้ให้ผลตอบแทนจากความเสี่ยงเหมือนที่คุณจะได้รับในเทียร์อื่นๆ…ตราสารหนี้เหล่านี้ไม่ได้ให้ผลตอบแทนที่สูงลิ่วอย่างที่ CCC มอบให้ และไม่มีความปลอดภัยในระดับ BBB จึงถูกมองข้ามไปบ้าง” ชาร์มากล่าว
"กองทุนรวมทั่วโลก" ก็ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของตราสารหนี้ BB เช่นกัน ในช่วงที่ผ่านมากองทุนเหล่านี้ได้เข้าซื้อจังก์บอนด์ขยะที่มีอันดับเครดิตสูงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทำให้เกิดการซื้อขายอย่างหนาแน่นในกลุ่มบริษัท และสร้างความกังวลขึ้นว่าหากต้องมีการเทขายหลักทรัพย์เหล่านี้ออกมาเพื่อรักษาสภาพคล่อง จังก์บอนด์ในกลุ่ม BB "จะเป็นตราสารหนี้กลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบ"