นักวิชาการยันศพทหารกัมพูชาเกลื่อนชายแดน ไม่เสี่ยงเกิดโรคระบาด!
จากกรณีที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้รับรายงานสถานการณ์ปัญหากลิ่นศพทหารกัมพูชาบริเวณแนวชายแดน จากการที่รัฐบาลและกองทัพกัมพูชา ได้ปล่อยศพทหารจำนวนมากไว้ในพื้นที่การสู้รบโดยไม่จัดการหรือกำจัดอย่างเหมาะสมซึ่งอาจส่งผลกระทบทั้งต่อสุขภาพและสภาพจิตใจของทหารไทยที่อยู่ในพื้นที่แนวหน้า รวมถึงอาจมีประชาชนเกิดการหวั่นวิตกต่อมลภาวะต่างๆที่เป็นพิษ เช่น การแพร่ระบาดของเชื้อโรคที่มากับลำน้ำ สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง
นพ.ทศนัย พิพัฒน์โชติธรรม อาจารย์ประจำภาควิชานิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ศพชายแดนไม่ได้มีความน่ากังวลอย่างที่คิด จึงไม่อยากให้ประชาชนเกิดความหวั่นวิตกเกินความเป็นจริง เพราะหากเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิ เมื่อปี 2547 แม้จะมีผู้คนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ทว่าก็ไม่ได้นำมาสู่การแพร่ระบาดของเชื้อโรค หรือมลพิษที่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด
นพ.ทศนัย กล่าวว่า สิ่งที่หลงเหลือภายในร่างกายมนุษย์หลังจากเสียชีวิตคือไวรัสและแบคทีเรีย กรณีของไวรัสโดยส่วนใหญ่เมื่อระยะเวลาผ่านไปเกินกว่า 48 ชั่วโมงก็จะสูญสลายหายไป อีกทั้งไม่สามารถสติดเชื้อจากระยะไกลได้ ต้องมีการสัมผัสแบบใกล้ชิดเท่านั้น และกรณีของแบคทีเรีย คือสิ่งที่ทำให้ร่างกายเกิดการย่อยสลายจนเน่าเปื่อย โดยจะสิ่งกลิ่นเหม็นให้กับผู้คนที่อยู่ใกล้ ซึ่งสิ่งนี้กำลังส่งผลกระทบต่อทหารไทยที่อยู่ด่านหน้าบริเวณชายแดนกัมพูชาอยู่ ณ ขณะนี้
“หลังจากเสียชีวิตศพจะเน่ามากๆ อยู่ราว 3 -5 วัน หรือที่ภาษาทั่วไปเรียกว่าขึ้นอืด ทำให้หลายวันที่ผ่านมาผู้คนกล่าวถึงกันเยอะในเรื่องกลิ่นหลังจากนั้นเมื่อโดนแดดศพก็จะเริ่มแห้ง ในระยะนี้กลิ่นจะเริ่มลดลงมากกว่าช่วงแรก แต่จะมีเรื่องของหนอนแมลงที่เข้ามาตอมศพ ราว 1 – 2 สัปดาห์ แล้วเนื้อเยื่อจะค่อยๆ สลายๆ จนเริ่มเห็นกระดูก เมื่อเดินทางเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 – 4 ศพจะเริ่มแห้งเหลือแต่โครงกระดูก กลิ่นก็จะค่อยๆ หายไป เว้นแต่อยู่ในระยะที่ใกล้มากๆ ภาวะกลิ่นเหม็นเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดจากไฮโดรเจนซัลไฟด์ (H₂S) หรือที่รู้จักกันในชื่อก๊าซไข่เน่าจากกระบวนการย่อยสลาย หากเกิดในพื้นที่ปิด อับลม ไม่มีอากาศถ่ายเทอาจเกิดอันตรายแก่คนที่อยู่ใกล้ได้ แต่ตรงพื้นที่ชายแดนเข้าใจว่าเป็นที่โล่ง มีอากาศถ่ายเท จึงไม่น่ากังวลอะไร” นพ.ทศนัย กล่าว
นักวิชาการธรรมศาสตร์ ยังกล่าวต่อไปด้วยว่า แม้จะมีหนอน แมลง จำนวนมากที่ตอมศพ แต่ส่วนตัวมองว่าไม่เสี่ยงต่อการเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคผ่านพาหะเหล่านั้น เพราะหากเชื่อในสมมติฐานที่ว่าผู้ที่จะมาเป็นทหารอาชีพย่อมมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่มีประวัติเป็นโรคติดต่อร้ายแรงก็ไม่มีความน่ากังวล เพราะเมื่อศพเน่าสลายก็จะมีเชื้อแบคทีเรียเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตอื่นที่เสียชีวิตและเน่าเหมือนกัน ซึ่งพบได้ในสิ่งแวดล้อมทั่วไป
ทั้งนี้ การเสียชีวิตจากการปะทะสู้รบแตกต่างจากการเสียชีวิตจากโรคติดต่อ เช่น การเกิดอหิวาตกโรคในอดีตที่เป็นเชื้อก่อโรคและมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากในพื้นที่เดียวกันและไม่ได้มีการจัดการอย่างถูกสุขลักษณะ ก็จะสุ่มเสี่ยงต่อการมีพาหะอย่างแมลง หรือหนอนที่นำไปสู่การแพร่ระบาดเชื้อโรคในวงกว้าง รวมไปถึงการปนเปื้อนลงสู่แม่น้ำ จนประชาชนไม่สามารถอุปโภค บริโภคน้ำได้ อย่างไรก็ตาม การปนเปื้อนเชื้อโรคลงสู่แม่น้ำจนส่งผลกระทบในวงกว้างก็อาจจะต้องเกิดจากจำนวนศพที่กระจุกตัวอยู่ในพื้นที่เดียวกัน และไม่ห่างไกลจากแม่น้ำมากนัก ซึ่งในกรณีของชายแดนกัมพูชาไม่ได้เป็นเช่นนั้น
“จึงอยากจะฝากไปยังประชาชนว่าไม่ต้องวิตกกังวลมากเกินไป และหากเจอศพที่อยู่ในพื้นที่ซึ่งสามารถจัดการได้ ก็สามารถจัดการได้ผ่านวิธีการที่ดีที่สุดคือการกลบฝังหรือโรยปูนขาว แต่ในแง่ของหน่วยงานรัฐ ส่วนตัวยอมรับว่ามีความเห็นใจ เพราะเหตุการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นในไทย หากเกิดในพื้นที่เรา หน่วยงานก็จะต้องเข้าไปจัดการอยู่แล้ว จึงเห็นใจว่าหน่วยงานและผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ไม่สามารถดำเนินการจัดการศพข้ามเขตแดนได้ นอกจากการแจกหน้ากาก N 95 เพื่อบรรเทามลภาวะจากกลิ่นเน่าเหม็น หรือแจ้งเฝ้าระวังในมิติอื่นๆ ให้ประชาชนทราบ อย่างไรก็ตาม แม้จะบอกว่ายังไม่มีสิ่งที่น่ากังวล แต่เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ในระยะถัดไปอาจจะจัดให้มีการตรวจวัดคุณภาพน้ำหรือยืนยันด้วยข้อมูลเชิงประจักษ์ในด้านอื่นๆ เพื่อความสบายใจได้” นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มทภ.2 ยัน ไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าไปหลงเชื่อข่าวปลอม
ทบ. ตั้งคำถามกัมพูชา ทำไมไม่จัดการศพ-ไม่ให้ความสำคัญส่งตัวผู้เสียชีวิต
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : นักวิชาการยันศพทหารกัมพูชาเกลื่อนชายแดน ไม่เสี่ยงเกิดโรคระบาด!
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.pptvhd36.com