โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

รองนายกฯ แถลง ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2569 วาระที่ 2-3 ย้ำเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน

สวพ.FM91

อัพเดต 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี แถลง ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2569 วาระที่ 2-3 ย้ำเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน

(13 สิงหาคม 2568) ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 11 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 โดยนายพิชัยได้แถลงร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระที่ 2-3 ต่อสภาผู้แทนราษฎร ดังนี้
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เสนอรายงานการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ต่อประธานและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ตามที่สภาผู้แทนราษฎรได้ประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ซึ่งคณะรัฐมนตรีเสนอและได้มีมติรับหลักการแห่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวในวาระที่ 1 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2568 และมีมติแต่งตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 นั้น คณะกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว สรุปสาระสำคัญของผลการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ต่อที่ประชุมดังนี้
คณะกรรมาธิการวิสามัญได้เริ่มพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2568 จนแล้วเสร็จในวันที่ 6 สิงหาคม 2568 โดยได้ร่วมกันพิจารณารายละเอียดงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณรวม 2,985 หน่วยรับงบประมาณ ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินภารกิจเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งแผนปฏิบัติราชการของกระทรวง โดยพิจารณาตามความจำเป็นและภารกิจของหน่วยรับงบประมาณ และแผนพัฒนาพื้นที่ตามความต้องการของประชาชน ตลอดจนคำนึงถึงฐานะการคลัง เสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนหน่วยรับงบประมาณ ภายใต้หลักธรรมาภิบาล สุจริต โปร่งใสและเป็นธรรม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน โดยมีข้อสังเกตในภาพรวมที่สำคัญเพื่อให้รัฐบาลดำเนินการเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ซึ่งมีแนวโน้มชะลอตัวกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่งผลกระทบต่องบประมาณทั้งด้านรายได้และรายจ่าย การเตรียมงบประมาณเพื่อรองรับมาตรการกีดกันทางการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก และการบริหารจัดการหนี้สาธารณะให้ลดลงในระยะยาว เพื่อให้มีพื้นที่การคลังไว้ใช้ในยามที่เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ โดยไม่กระทบต่อเสถียรภาพทางการคลังในอนาคต พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาแต่ละจังหวัดที่มีความเฉพาะเจาะจงและแตกต่างกันไปตามบริบทในพื้นที่ โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงในพื้นที่ รวมทั้งหน่วยรับงบประมาณควรมีการแสดงข้อมูลการใช้เงินนอกงบประมาณที่แสดงให้เห็นถึงแผนการดำเนินงานประจำปี เพื่อให้การพิจารณางบประมาณมีความครอบคลุมทุกแหล่งเงิน และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ในการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมมาธิการในคณะกรรมาธิการวิสามัญร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 จำนวน 8 คณะ และคณะกรรมาธิการวิสามัญได้ปรับลดงบประมาณจำนวน 8,920,781,300 บาทถ้วน โดยได้พิจารณาจากความสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งเป้าหมายและผลการดำเนินงานจริง ความคุ้มค่า และความพร้อมในการดำเนินงาน และศักยภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ ตลอดจนให้ความสำคัญกับเงินนอกงบประมาณ หรือรายได้ที่จัดเก็บของหน่วยรับงบประมาณเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา อาทิ

1. รายการที่มีผลการดำเนินงานล่าช้ากว่าแผนที่กำหนดไว้และคาดว่าไม่สามารถใช้จ่ายได้ทันภายในปีงบประมาณ หรือรายการผูกพันงบประมาณเดิมที่มีผลการจัดซื้อจัดจ้างต่ำกว่าวงเงินงบประมาณที่เสนอไว้
2. รายการที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน หรือที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งไม่เป็นค่าใช้จ่ายในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งบประมาณ
3. รายการที่สามารถชะลอได้ โดยไม่กระทบภารกิจให้บริการประชาชน หรือทบทวนโครงการให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย
4. รายการที่ยกเลิกโครงการหรือสามารถใช้เงินจากแหล่งอื่นนอกเหนือจากเงินงบประมาณได้ เช่น เงินนอกงบประมาณ หรือรายได้ที่จัดเก็บเองหรือเงินสะสมคงเหลือ
สำหรับการเพิ่มงบประมาณนั้น คณะกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาเพิ่มงบประมาณตามความเหมาะสม จำเป็น ให้เพียงพอกับการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงาน ดังนี้

1. งบกลาง เป็นค่าใช้จ่ายรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อฉุกเฉินหรือจำเป็น
2. สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล องค์การมหาชน เป็นค่าใช้จ่ายบุคลากร เงินเดือนของพนักงานและค่าใช้จ่ายส่วนควบ
3. กระทรวงการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศปี 2569
4. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กรมส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการ
5. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการบรรเทาปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5
6. กระทรวงยุติธรรม กรมคุมประพฤติ เป็นค่าใช้จ่ายในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสำหรับการติดตามผลระหว่างถูกคุมความประพฤติของผู้ถูกคุมความประพฤติ คดียาเสพติด
7. กระทรวงแรงงาน สำนักงานประกันสังคม เป็นค่าใช้จ่ายตามสิทธิ์ในการชำระเงินสมทบของรัฐบาลสำหรับเงินสมทบกองทุนประกันสังคมในส่วนที่รัฐค้างชำระ
8. รัฐวิสาหกิจ การรถไฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนค่างานโยธาตามสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร
9. หน่วยงานของศาล และหน่วยงานขององค์กรอิสระ และองค์กรอัยการ ได้แก่ สำนักงานศาลปกครองสำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินและสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นค่าใช้จ่ายบุคลากรและค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนการดำเนินงานตามภารกิจของหน่วยงานให้เพียงพอ
รวมจำนวนทั้งสิ้น 8,920,781,300 บาทถ้วน วงเงินตามจำนวนที่ปรับลดลดงบประมาณได้
นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาอนุมัติให้มีการเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ประกอบด้วย

1. การถ่ายโอนภารกิจสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทร์ราชินี (สอน.) และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โดยขอลดงบประมาณรายจ่ายของกระทรวงสาธารณสุขในส่วนที่เกี่ยวกับการถ่ายโอนบุคลากรของ สอน. รพ.สต. และจากสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขจำนวน 70,717,500 บาทถ้วน เพื่อเสนอขอเพิ่มงบประมาณให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นเงินอุดหนุนสำหรับสนับสนุนการถ่ายโอนบุคลากรสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินทร์ราชินี และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัดจำนวน 13 แห่ง
2. การยุบรวมองค์การบริหารส่วนตำบล ภายใต้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย โดยรวมกับเทศบาล โดยขอลดงบประมาณของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย จำนวน 114,539,500 บาทถ้วน เพื่อเสนองบประมาณให้กับเทศบาลเมืองจำนวน 3 แห่ง และเทศบาลตำบลจำนวน 1 แห่ง
นายพิชัยกล่าวว่า การพิจารณารายละเอียดงบประมาณ ทั้งการปรับลด การเพิ่ม และการเปลี่ยนแปลงงบประมาณดังกล่าว คณะกรรมาธิการวิสามัญได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับความพร้อม และศักยภาพของหน่วยงาน ความซ้ำซ้อน เป้าหมายการดำเนินงาน ผลการดำเนินงานที่ผ่านมา ภารกิจเพื่อสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ การแก้ไขปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชน และประโยชน์ต่อประชาชนโดยตรงเป็นสำคัญ รวมทั้งสนับสนุนให้เศรษฐกิจเติบโต และมีความเข้มแข็ง รองรับผลกระทบทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศได้อย่างมีเสถียรภาพ ตลอดจนการดำเนินการนั้นต้องไม่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อสามารถดำเนินการภายในกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่าย จำนวน 3,780,600 ล้านบาทถ้วน
สำหรับรายละเอียดผลการพิจารณา รวมทั้งข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญปรากฎตามเอกสารรายงานคณะกรรมาธิการวิสามัญที่ได้แจกให้แล้ว 4 เล่มคือ เล่มที่ 1 เป็นรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญ เล่มที่ 2 เป็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 เล่มที่ 3 เป็นรายงานผลการพิจารณารายงานรายการปรับลดงบประมาณ และเล่มที่ 4 เป็นรายงานผลการพิจารณารายการเพิ่มและเปลี่ยนแปลงงบประมาณ
โอกาสนี้ รองนายกฯ กล่าวขอบคุณคณะกรรมาธิการวิสามัญทุกท่านที่ให้ความสำคัญ เสียสละเวลาและร่วมมือกันในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 อย่างเต็มที่ ไปด้วยดี พร้อมทั้งขอบคุณหน่วยรับงบประมาณที่ได้ความร่วมมือในการชี้แจงรายละเอียด และจัดเตรียมเอกสารให้คณะกรรมาธิการเป็นอย่างดี ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญยินดีและพร้อมที่จะชี้แจงข้อซักถามของสมาชิกในแต่ละมาตราต่อไป

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก สวพ.FM91

รถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถจักรยานยนต์ กลางถนนทางหลวงหมายเลข 33 มีผู้เสียชีวิตเป็นชาวจีน จ.ปราจีนบุรี

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สืบนครบาล รวบพ่อค้าบุหรี่ไฟฟ้า เช่าบ้านย่านลาดปลาเค้าเก็บสินค้า ขายผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมของกลางหลายรายการ

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม