แสนสิริ อินไซต์ภูเก็ต...ลึกกว่าที่คิด เพิ่มดีกรี-เป้าลงทุน 5 ปี 33,000 ล้าน
ไตรมาส 3/68 แสนสิริเล่นใหญ่ไฟกะพริบในการประกาศตบเกียร์ 5 เหยียบคันเร่งการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต ภายใต้ผู้บริหารระดับแม่ทัพน้อยที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขคนภูเก็ตขนานแท้ 2 คน ประกอบด้วย “ปาล์ม-ภูมิชาย มัธยมภพภิญโญ” กรรมการผู้จัดการกลุ่มธุรกิจพัฒนาโครงการภาคใต้ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และ “อ๊บ-สมสกุล หลิมศุทธพรรณ” รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจและบริหารสินทรัพย์ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้แมเนจเมนต์โซลูชั่น บริษัทลูกในเครือแสนสิริ
เพิ่มเป้าลงทุนบ้าน-คอนโดฯ ใหม่ 5 ปีหน้า
ปฏิบัติการรุกเร้าการลงทุนมาพร้อมกับการรีลอนช์แผนยุทธศาสตร์ 5 ปีรอบใหม่ จากจุดเริ่มต้นในปี 2566 เปิดตัวแผน 5 ปีครั้งแรก (2566-2570) ด้วยเป้าลงทุน 16 โครงการ มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท ณ ยูนิตสะสมรวม 7,756 ยูนิต มูลค่าสะสม 21,926 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านแนวราบ 9 โครงการ 6,200 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 7 โครงการ 8,800 ล้านบาท เมื่อรวมแผนใหม่บวกกับโครงการเดิม จะทำให้มี 37 โครงการ มูลค่าโครงการสะสมเพิ่มเป็น 37,000 ล้านบาท
ถัดมาในปี 2567 วางแผนบนกระดาษจะเปิดตัว “แสนสิริ ฮับ” ภูเก็ต ซึ่งในที่สุดเมื่อมีการเปิดตัวจริงพัฒนาเป็น “เดอะโซไซตี้” ฮับไลฟ์สไตล์บนทำเลที่ดินหายากหาเย็นย่านบางเทา โซนทองหล่อของภูเก็ต
และปี 2568 สด ๆ ร้อน ๆ ที่ฉายภาพแสนสิริ ฮับ ภูเก็ต ที่ยังคงเติบโตอย่างน่าสนใจ ด้วยตัวเลขมูลค่าโครงการสะสมขยับเพิ่มเป็น 29,618 ล้านบาท ยูนิตสะสมเพิ่มเป็น 8,833 ยูนิต พร้อมกับการยกระดับภูเก็ตสู่การเป็น The World Elite Destination ภายใต้แผน 5 ปี (2568-2572) ที่ตั้งเป้าลงทุนใหม่ 29 โครงการ มูลค่ารวม 33,000 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านแนวราบ 16 โครงการ 12,000 ล้านบาท คอนโดฯ 13 โครงการ 21,000 ล้านบาท นั่นหมายความว่าตามแผนยุทธศาสตร์นี้จะทำให้มีตัวเลขโครงการสะสม 57 โครงการ มูลค่าสะสม 63,000 ล้านบาท
น่าสนใจว่า แผน 5 ปี (2566-2570) ยุทธศาสตร์ลงทุนบ้านแนวราบ 9 โครงการ มูลค่ารวมกัน 6,200 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 41% เฉลี่ยมูลค่าโครงการละ 688 ล้านบาท คอนโดฯ 7 โครงการ มูลค่า 8,800 ล้านบาท สัดส่วน 59% เฉลี่ยมูลค่าโครงการละ 1,257 ล้านบาท
เทียบกับแผน 5 ปี (2568-2572) เป้าลงทุนบ้านแนวราบอยู่ที่ 16 โครงการ มูลค่า 12,000 ล้านบาท เฉลี่ยมูลค่าโครงการละ 750 ล้านบาท ถือว่าใกล้เคียงเดิม แต่เกลี่ยน้ำหนักการลงทุนใหม่ทำให้สัดส่วนอยู่ที่ 36% เป้าคอนโดฯเปิด 13 โครงการใหม่ 21,000 ล้านบาท สัดส่วนเพิ่มเป็น 64% หรือ 2 ใน 3 ด้วยมูลค่าเฉลี่ยต่อโครงการที่ 1,615 ล้านบาท
20 ปีราคาที่ดินภูเก็ตโตพุ่ง 700%
สำหรับทิศทางลงทุนอสังหาฯในอนาคต “ภูมิชาย มัธยมภพภิญโญ” ระบุว่า ภูเก็ตมีแหล่งรายได้มหาศาลจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก และมีศักยภาพในการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากวิกฤตการณ์ใหญ่ ๆ ตัวอย่างที่ชัดเจนในยุคมหาวิกฤตโควิดปี 2563 ภูเก็ตเป็นจังหวัดแรก ๆ ของไทยที่ริเริ่มโครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์ โมเดลนำร่องในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วโดยไม่ต้องกักตัว สะท้อนศักยภาพแข็งแกร่งของภูเก็ตในการฟื้นตัว สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนที่มีกำลังซื้อสูงได้อย่างรวดเร็ว
ภูเก็ตจึงเป็น “เมืองต้นแบบ” ที่ผสมผสานการท่องเที่ยวระดับโลก ไลฟ์สไตล์ การลงทุน และการอยู่อาศัยได้อย่างลงตัว เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าจับตาที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กุญแจสำคัญที่ขับเคลื่อนภูเก็ตสู่การเป็นศูนย์กลางระดับโลกมีมากถึง 7 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.การท่องเที่ยว 2.การบริการระดับพรีเมี่ยม 3.การพัฒนาแบบครบวงจรทั้งโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพสูงพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน 4.การขยายตัวของสนามบินและโครงสร้างพื้นฐาน 5.การเติบโตของโรงเรียนนานาชาติ 6.การยกระดับเป็นศูนย์กลางการศึกษาและการแพทย์ 7.การพัฒนาสู่ Sport & Wellness Hub
แน่นอนว่าปัจจัยเหล่านี้ส่งผลบวกให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตเติบโตก้าวกระโดดอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่แค่บ้านพักตากอากาศ แต่รวมถึงโครงการเพื่อการลงทุนที่อยู่อาศัยระยะยาว และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร โดยเฉพาะโครงการระดับ Ultra Luxury ที่ยังมีความต้องการสูงจากทั้งชาวไทยและต่างชาติ สถิติที่ผ่านมา ภูเก็ตเป็นที่ต้องการของกลุ่มผู้ที่มีความมั่งคั่งทั่วโลก ติด Top 4 ของโลก รองจาก “ดูไบ ฟลอริดา นิวยอร์ก” มีราคาที่ดินเติบโตอย่างก้าวกระโดดในรอบ 20 ปี เพิ่มขึ้นถึง 700%
“นอกจากนี้ ไทยยังมีปัจจัยสนับสนุนที่แข็งแกร่ง ทั้งความชัดเจนทางกฎหมายในการถือกรรมสิทธิ์ของชาวต่างชาติ และกฎหมายสมรสเท่าเทียม ถือเป็นสะพานเชื่อมโยงความเท่าเทียมทางกฎหมายเข้ากับโอกาสทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ ช่วยเพิ่มความมั่นใจและแรงจูงใจให้กับชาวต่างชาติกลุ่ม LGBTQIAN+ ในการเข้ามาลงทุนและวางแผนชีวิตในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นอดีตพนักงานจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Ex-Google หรือ Ex-Microsoft”
ยิ่งไปกว่านั้น ภูเก็ตเป็นเมืองที่สามารถสะท้อนความมั่งคั่ง (Wealth) ได้อย่างชัดเจน เป็นแหล่งรวมท่าจอดเรือยอชต์ชั้นนำระดับโลก รองรับการจอดเรือยอชต์พร้อมกัน 700 ลำ รวมถึงมี Private Jet Terminal ตอกย้ำความเป็น World Class Destination ของภูเก็ต
“แสนสิริเติบโตเคียงข้างชาวภูเก็ตมาอย่างยาวนาน ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 40 ปีในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ตอกย้ำถึงความมั่นคงและความน่าเชื่อถือให้กับผู้ซื้อและนักลงทุน แสนสิริมี Head Office แห่งที่สองในภูเก็ต มีทีมพนักงานประจำ 200 คน พัฒนาโครงการสะสมหลากหลายราคารวม 28 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท”
อัพเดตมี 2 คอนโดฯ สร้างเสร็จพร้อมโอนล่าสุด ได้แก่ “เดอะ เบส บูกิต ภูเก็ต” และ “เดอะ เบส ไรส์ ภูเก็ต” ขณะเดียวกัน เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ “เศรษฐสิริ เกาะแก้ว รีทรีต” บ้านเดี่ยวสไตล์โมเดิร์น ท่ามกลางบรรยากาศแห่งการพักผ่อนที่เงียบสงบ บนทำเลเกาะแก้วในไตรมาส 3/68 นี้
อินไซต์ “ลูกค้าหน้าใหม่ สร้างโอกาสใหม่”
ขณะที่ด้านประชากรศาสตร์ “สมสกุล หลิมศุทธพรรณ” กล่าวว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แสนสิริเล็งเห็นการเติบโตของกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่ในตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต ทั้งกลุ่มนักลงทุนอสังหาฯ กับกลุ่มเรียลดีมานด์ชาวไทยและชาวต่างชาติ เจาะลึกรายละเอียดจะเห็นกลุ่มนักลงทุนชาวต่างชาติหน้าใหม่ อาทิ อิสราเอล, กลุ่มประเทศที่ใช้ภาษารัสเซีย (รัสเซีย, เบลารุส, คาซัคสถาน, คีร์กีซสถาน) อินเดีย รวมถึงกลุ่มประเทศตะวันออก ที่มองหาการกระจายพอร์ตการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากตลาดในประเทศของตนเองเริ่มถึงจุดสูงสุด
ลูกค้าหน้าใหม่ในกลุ่มลูกค้าชาวไทย มีทั้งกลุ่มนักลงทุนจากต่างจังหวัด และเคยประสบความสำเร็จในการลงทุนอสังหาฯในกรุงเทพฯ เริ่มมองหาแหล่งลงทุนใหม่อย่างภูเก็ต ที่มีผลตอบแทนการลงทุนปล่อยเช่า หรือ Yield สูง กลุ่มนักลงทุนที่เป็นคนภูเก็ต อย่างเถ้าแก่และเจ้าของกิจการในพื้นที่ที่มองเห็นศักยภาพและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง
กลุ่มคนภูเก็ตที่เป็นเรียลดีมานด์ ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ด้วยเหตุผลด้านส่วนกลางและการดูแลรักษาระยะยาวที่ดี และกลุ่มประชากรแฝงที่เข้ามาทำงานในภูเก็ต ซึ่งถือเป็น Hub แหล่งงานของภาคใต้ คาดการณ์ว่ามีจำนวนถึง 3-4 แสนคน ภูเก็ตจึงเป็นเมืองที่มีภาพสะท้อนความเป็นเมืองที่เชื่อมโยงคนหลากเชื้อชาติและหลายรูปแบบการใช้ชีวิต
เจาะลึกโครงสร้างประชากรพบว่า ภูเก็ตมีประชากรประมาณ 460,800 คน เพิ่มขึ้น 7% เทียบกับ 5 ปีก่อน และเพิ่ม 17% เทียบกับ 10 ปีก่อน ในจำนวนนี้มี 430,000 คนพักอาศัยในเขตเมืองและพื้นที่โดยรอบที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว (Urban Agglomeration) ประกอบด้วย ชาวภูเก็ตดั้งเดิม, คนไทยจากต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานและตั้งถิ่นฐาน
นอกจากนี้มีครอบครัวใหม่ที่เลือกภูเก็ตเป็นบ้านหลังใหม่ และชาวต่างชาติ (Expat) อยู่อาศัยระยะยาว 115,000 คน ในสายตาชาวต่างชาติ ภูเก็ตเป็นเมืองน่าอยู่ในราคาที่เข้าถึงได้ เมื่อเทียบกับมาตรฐานเมืองใหญ่ในต่างประเทศ คุ้มค่า และให้คุณภาพชีวิตที่ดี มีปัจจัย 4 ครบ ทั้งแหล่งอาหาร แหล่งช็อปปิ้ง ที่อยู่อาศัยพรีเมี่ยม ศูนย์สุขภาพและ Wellness รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
18 ปีแสนสิริเติบโตเคียงข้างภูเก็ต
ทั้งนี้ บิ๊กดาต้าภูเก็ตแบ่งออกเป็น 2 โซนหลัก คือ “โซนในเมือง” มีคนไทยอยู่อาศัย 60% ชาวต่างชาติ 40% ผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นลูกค้าเรียลดีมานด์ คนทำงานในพื้นที่ ชาวต่างชาติที่พักแบบลองสเตย์ คนไทยที่มองหาบ้านหลังที่สอง มีจุดเด่นคือความสะดวกในการเดินทาง ใกล้แหล่งงาน โรงเรียน ศูนย์การแพทย์ กับ “โซนรอบเมือง” เช่น โซนเชิงทะเล ชาวต่างชาติอยู่อาศัยชุกชุม 70-80% นักลงทุนอสังหาฯ กินสัดส่วน 80% ของผู้ซื้อในโซนนี้ เหมาะกับการลงทุนด้านบ้านพักตากอากาศ วิลล่าหรู หรือคอนโดฯ ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ต่างชาติ
โดยพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ออกแบบบริการเฉพาะในแต่ละพื้นที่ให้สอดคล้องกับแนวทางการอยู่อาศัย และไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแต่ละโซน พร้อมชูบริการ Plus Concierge ที่ช่วยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า อาทิ บริการแม่บ้าน ทำสวน ทำความสะอาดสระว่ายน้ำ บริการขนย้ายเข้า-ออกบ้าน บริการรับส่งสนามบิน จัดการชำระค่าน้ำไฟ ดูแลการปล่อยเช่า และช่วยจัดทำเอกสารคนเข้าเมือง (Immigration) ตอบโจทย์ทั้งลูกค้าที่อยู่อาศัยเองและนักลงทุนที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยและปล่อยเช่า
“พลัสฯ เรารุกตลาดภูเก็ต 18 ปี มีความเข้าใจลึกซึ้งในพื้นที่ภูเก็ตและประสบการณ์ตรงในการบริหารโครงการระดับพรีเมี่ยม มีมาตรฐานการให้บริการที่พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง
พลัสฯ จึงพร้อมเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญของตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต ทั้งในการส่งมอบบริการ Property Management คุณภาพที่ออกแบบมาเพื่อภูเก็ตโดยเฉพาะ รวมถึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันภูเก็ตจากจุดหมายด้านการท่องเที่ยว สู่การเป็นศูนย์กลางใหม่ของการอยู่อาศัยพรีเมี่ยมในระดับภูมิภาค”
อีกหนึ่งไฮไลต์ที่เติมเต็มด้านความปลอดภัยให้กับลูกค้า มาจากบริการของ LIV-24 ผู้นำด้าน Smart Tech Solutions บริษัทดาวรุ่งในเครือแสนสิริ มีประสบการณ์ดูแล 180 โครงการทั่วประเทศ ด้วยแนวคิดป้องกันเหตุก่อนเกิดของ LIV-24 ทำให้กว่า 500,000 เหตุผิดปกติที่ถูกแจ้งเข้ามายังศูนย์บัญชาการกลาง (Command Centre) สามารถเข้าจัดการได้ภายในเวลาเฉลี่ยเพียง 5 นาที และไม่มีเคสใดเลยที่เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อชีวิตและทรัพย์สิน
นอกจากนี้ แสนสิริพร้อมมอบบริการ Never Ending Service โดยหัวใจสำคัญของการบริการคือ “คน” โดยพนักงานทุกคนผ่านการฝึกอบรมจากสถาบัน Plus Eduplex ศูนย์การเรียนรู้ของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ที่เปิดมานานกว่า 6 ปี ในปีนี้ได้รับรางวัลระดับนานาชาติ “Best In-house Learning Academy” จากงาน Employee Experience Awards 2025 การันตีคุณภาพบุคลากรที่สามารถส่งมอบบริการที่มีคุณภาพและมาตรฐานให้กับลูกค้าได้
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : แสนสิริ อินไซต์ภูเก็ต…ลึกกว่าที่คิด เพิ่มดีกรี-เป้าลงทุน 5 ปี 33,000 ล้าน
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net