เงินบาทอ่อนค่าลงช่วงปลายสัปดาห์ ส่วนดัชนีหุ้นไทยปิดใกล้เคียงสัปดาห์ก่อน
เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดรอบ 3 สัปดาห์ ก่อนจะอ่อนค่าลงช่วงปลายสัปดาห์ ด้านเงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขายท่ามกลางการคาดการณ์ว่าเฟดมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือนก.ย. นี้
16 ส.ค. 2568 – ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า เงินบาทขยับแข็งค่าขึ้น (หลังตลาดในประเทศกลับมาเปิดทำการหลังจากช่วงวันหยุดยาว) สอดคล้องกับทิศทางของสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขายท่ามกลางการคาดการณ์ว่าเฟดมีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC เดือน ก.ย. นี้
ทั้งนี้ เงินบาทยังรักษาช่วงบวกไว้ได้ต่อเนื่อง หลังการประชุม กนง. มีมติอย่างเป็นเอกฉันท์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ไปที่ระดับ 1.50% ช่วงกลางสัปดาห์ อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงช่วงท้ายสัปดาห์สอดคล้องกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวกลับมาโดยได้รับอานิสงส์จากตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูงกว่าที่ตลาดคาด
ในวันศุกร์ที่ 15 ส.ค. 2568 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 32.44 บาทต่อดอลลาร์ฯ (หลังแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 32.24 ในระหว่างสัปดาห์) เทียบกับระดับ 32.33 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (8 ส.ค.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 13-15 ส.ค. 2568 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 7,764 ล้านบาท และมีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Outflows ออกจากตลาดพันธบัตรไทย 7,219 ล้านบาท (ขายสุทธิพันธบัตร 6,079 ล้านบาท และตราสารหนี้หมดอายุ 1,140 ล้านบาท)
สัปดาห์ระหว่างวันที่ 18-22 ส.ค. 2568 ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ระดับ 32.10-32.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 และตัวเลขการส่งออกเดือนก.ค. ของไทย ถ้อยแถลงของประธานเฟดจากที่ประชุมสัมมนาประจำปีของเฟดที่ Jackson Hole ทิศทางฟันด์โฟลว์ของต่างชาติและราคาทองคำในตลาดโลก ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนส.ค. ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค. บันทึกการประชุมเฟดเมื่อวันที่ 29-30 ก.ค. และตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ ตลาดยังรอติดตามการประกาศอัตราดอกเบี้ย LPR ของจีน อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค. ของอังกฤษและยูโรโซน รวมถึงดัชนี PMI (เบื้องต้น) สำหรับเดือนส.ค. ของอังกฤษและยูโรโซนด้วยเช่นกัน
ด้านดัชนีหุ้นไทยดีดตัวขึ้นแรงช่วงกลางสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศท่ามกลางแรงซื้อหลัก ๆ จากกลุ่มนักลงทุนสถาบันในต่างประเทศ โดยมีปัจจัยหนุนจากคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในรอบการประชุมเดือนก.ย. นี้ นอกจากนี้ดัชนีหุ้นไทยยังมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของกนง. ในระหว่างสัปดาห์ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้หุ้นทุกกลุ่มปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มไฟแนนซ์ที่ตลาดมองว่า น่าจะได้รับอานิสงส์จากดอกเบี้ยขาลง ประกอบกับมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นบริษัทที่ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันรายใหญ่แห่งหนึ่งจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้น
อย่างไรก็ดี หลังจากดัชนีหุ้นไทยขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ 1,283.55 จุด ก็ย่อตัวลงในเวลาต่อมาจนถึงช่วงท้ายสัปดาห์ตามแรงขายทำกำไรของนักลงทุน โดยเฉพาะหุ้นบริษัทสายการบินรายใหญ่แห่งหนึ่งที่ปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรงในช่วงก่อนหน้านี้ อนึ่ง นักลงทุนต่างชาติอยู่ในฝั่งขายสุทธิหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ หลังจากซื้อสุทธิติดต่อกันมา 5 สัปดาห์
ในวันศุกร์ที่ 15 ส.ค. 2568 ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,259.42 จุด เพิ่มขึ้น 0.03% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 58,442.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.52% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai ลดลง 2.58% มาปิดที่ระดับ 248.42 จุด
สัปดาห์ถัดไป (18-22 ส.ค. 68) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,240 และ 1,215 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,280 และ 1,300 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 ของไทย ถ้อยแถลงของประธานเฟดในการประชุมประจำปีของเฟดที่ Jackson Hole รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค. ดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนส.ค. (เบื้องต้น) บันทึกการประชุมเฟด รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศอื่น ๆ ได้แก่ การกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ LPR เดือนส.ค. ของจีน ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ค. ของยูโรโซนและญี่ปุ่น ตลอดจนดัชนี PMI ภาคการผลิตและการบริการเดือนส.ค. (เบื้องต้น) ของญี่ปุ่น ยูโรโซน และอังกฤษ