"รักชนก" จี้ ตรวจงบหลักสูตรอบรมผู้บริหารฯ ใช้งบหลายสิบล้าน แต่คะแนน CPI ไม่ดีขึ้น
"รักชนก" จี้ ตรวจงบหลักสูตรอบรมผู้บริหารฯ ชี้ใช้งบหลายสิบล้านจัดทริปต่างประเทศ แต่คะแนน CPI ประเทศไทยกลับไม่ดีขึ้น
วันที่ 15 สิงหาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระ 2 น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อย ได้ลุกขึ้นอภิปรายตั้งคำถามถึงการใช้งบประมาณภาษีประชาชนในโครงการอบรม “นักบริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง”
น.ส.รักชนก ระบุว่า โครงการนี้ดำเนินต่อเนื่องมาแล้ว 17 รุ่น ใช้งบหลายสิบล้านบาทต่อรุ่น แต่ดัชนีการรับรู้การทุจริต (CPI) ของประเทศไทยกลับไม่ดีขึ้น อีกทั้งยังพบว่ามีการนำงบไปใช้เดินทางดูงานต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งตั้งข้อสงสัยว่าผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่ากับภาษีของประชาชนหรือไม่
น.ส.รักชนก ยกตัวอย่างว่า รุ่นที่ 14 ใช้งบ 13 ล้านบาท ขณะที่รุ่นที่ 17 เพิ่มเป็น 31 ล้านบาท ภายใน 4 ปี งบเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะงบประมาณสำหรับการเดินทางต่างประเทศ รุ่นที่ 24 ใช้ถึง 22 ล้านบาท ทั้งที่ยังมีการเก็บค่าสมัครจากผู้เข้าร่วมประมาณคนละ 165,000 บาท รวมเป็นเงินกว่า 14 ล้านบาท
จากการตรวจสอบรายชื่อผู้เข้าอบรม พบว่าเป็นข้าราชการระดับสูงจากหลายหน่วยงาน เช่น ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว รองอธิบดี รองปลัดกระทรวง ผู้อำนวยการสำนักงานจังหวัด ผู้จัดการฝ่ายกฎหมายของ ปตท. และผู้แทนกระทรวงกลาโหม เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาดูงานต่างประเทศ เช่น ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร โดยตารางกิจกรรมของรุ่นที่ 16 พบว่ามีการเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น หอนาฬิกาบิ๊กเบน พระราชวังบัคกิงแฮม พระราชวังวินด์เซอร์ เมืองบาธ และหมู่บ้านช้อปปิ้งดีไซเนอร์เอาท์เล็ท มากกว่าการเข้าร่วมสัมมนาด้านการต่อต้านการทุจริต
น.ส.รักชนก กล่าวปิดท้ายว่า หากการเดินทางลักษณะนี้เป็นเพียงการท่องเที่ยวหรือสร้างความสนิทสนมส่วนตัว ควรให้ผู้เข้าร่วมออกค่าใช้จ่ายเอง ไม่ควรนำเงินภาษีของประชาชนไปใช้ พร้อมตั้งคำถามว่า “ทำไมตลอด 17 รุ่นที่ผ่านมา คะแนน CPI ของไทยกลับลดลง” และย้ำว่าการใช้งบภาครัฐต้องโปร่งใสและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ