6 เรื่องเด่นที่ iPhone 17 Air จะมีให้มากกว่าความบาง
อีกไม่นานแล้วที่ iPhone 17 จะเปิดตัวแน่นอนว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับรุ่นที่บางที่สุดอย่าง iPhone 17 Air ซึ่งถูกวางตัวให้เป็นไฮไลท์เด็ดในงาน "Awe Dropping" ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ ใครที่รอคอยการมาแต่อยากรู็ว่า iPhone 17 Air มีให้นอกจากความบาง
6 จุดเด่นของ iPhone 17 Air ที่คนรอต้องรู้
ดีไซน์ใหม่ บางเฉียบที่สุดในประวัติศาสตร์
ต้องยอมรับว่าจุดเด่นที่จ้อวงปากกาตัวโตๆ ของรุ่น "Air" โดยตัวเครื่องจะมีความหนาเพียง 5.5 มม. เท่านั้น (บางกว่า iPhone 16 ถึง 2 มม.) และมีน้ำหนักเบาหวิวคาดการณ์ไว้ที่ 145 กรัม ซึ่งเบากว่า iPhone รุ่นปกติอย่างชัดเจน และหนักกว่า iPhone 13 mini เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
วัสดุตัวเครื่องจะเป็นเฟรมแบบไฮบริดไทเทเนียม-อะลูมิเนียม เพื่อความแข็งแรงแต่น้ำหนักเบา อย่างไรก็ตาม ความบางนี้ก็ต้องแลกมากับการปรับดีไซน์บางจุด เช่น พอร์ต USB-C ที่อาจไม่ได้อยู่ตรงกลางเป๊ะๆ และช่องลำโพงที่เรียบง่ายขึ้น
หน้าจอ ProMotion 120Hz ในรุ่นที่ไม่ใช่ Pro
ถือเป็นครั้งแรกที่ Apple อาจนำฟีเจอร์ระดับโปรอย่าง ProMotion 120Hz มาใส่ใน iPhone รุ่นที่ไม่ใช่ Pro โดย iPhone 17 Air จะมาพร้อมหน้าจอ LTPO OLED ขนาด 6.6 นิ้ว ซึ่งเป็นพาเนลเดียวกับที่ใช้ในรุ่น Pro ทำให้การแสดงผลลื่นไหลและสว่างกว่าเดิมถึง 30% อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อมูลไม่ชัดเจนว่าฟีเจอร์ Always-On Display จะถูกใส่มาด้วยหรือไม่
อัปเกรดประสิทธิภาพครั้งใหญ่
- ชิป A19: คาดว่าจะมาพร้อมชิปเซ็ต A19 หรือ A19 Pro (เวอร์ชันลดคอร์ GPU)
- RAM 12GB: ให้ RAM มาจุใจถึง 12GB เท่ากับรุ่น Pro ซึ่งเป็นการอัปเกรดที่สำคัญมาก
ระบบระบายความร้อนใหม่
จากข่าวลือว่าจะใช้ Vapor Chamber เป็นครั้งแรกใน iPhone เพื่อช่วยจัดการความร้อนให้ดีขึ้น ทำให้เครื่องทำงานเต็มประสิทธิภาพได้นานขึ้น ดังนั้นมันไม่ได้มีความบางแต่อาจจะระบายความร้อนได้ดี
กล้อง อัปเกรดกล้องหน้า แต่ลดสเปคกล้องหลัง?
เพื่อรักษาความบางของตัวเครื่อง iPhone 17 Air จะมี กล้องหลังเพียงเลนส์เดียว แต่เป็นเลนส์ Wide ความละเอียดสูง 48MP การมีเลนส์เดียวอาจทำให้ไม่รองรับการถ่ายวิดีโอหรือภาพถ่ายแบบ Spatial
ในทางกลับกัน กล้องหน้าจะได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ เป็นความละเอียด 24MP ซึ่งจะให้ภาพที่คมชัดและมีคุณภาพดีกว่ากล้อง 12MP ในปัจจุบันอย่างเห็นได้ชัด
แบตเตอรี่ จุดที่น่ากังวลที่สุด
ด้วยตัวเครื่องที่บางมาก ทำให้พื้นที่สำหรับแบตเตอรี่ลดลง คาดว่าจะมีความจุราว 2,800mAh ใกล้เคียงกับ iPhone 12 ซึ่งอาจส่งผลให้ ระยะเวลาการใช้งานสั้นกว่า iPhone 17 รุ่นอื่นอย่างมีนัยสำคัญ ถือเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่ผู้ซื้อต้องพิจารณา
การเชื่อมต่อและระบบชาร์จ
เรื่องสุดท้ายคือการเชื่อมต่อของiPhone 17 Air ที่เรียกว่าโดดเด่นไม่เบา เช่น
- Wi-Fi 7: รองรับมาตรฐานการเชื่อมต่อไร้สายยุคใหม่อย่าง Wi-Fi 7
- ชาร์จไร้สาย 25W: รองรับมาตรฐาน Qi 2.2 ทำให้สามารถชาร์จไร้สายได้เร็วถึง 25W เทียบเท่าความเร็วของ MagSafe
สุดท้ายแล้ว iPhone 17 Air คือการเดิมพันครั้งใหม่ของ Apple ที่เน้นเจาะตลาดผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่ บางเบาและพกพาง่ายสุดๆ โดยดึงฟีเจอร์เด่นจากรุ่น Pro อย่างหน้าจอ 120Hz และ RAM 12GB มาใส่ให้ แต่ก็ต้องแลกมากับข้อจำกัดที่ชัดเจนอย่างกล้องหลังเลนส์เดี่ยวและแบตเตอรี่ที่อาจใช้งานได้ไม่ยาวนานเท่ารุ่นอื่น โดยราคาคาดการณ์คือ $899 (ประมาณ 33,000 บาท) ทั้งหมดนี้จริงไหมต้องรอติดตามกันต่อไป