เดินเล่นพระนคร นอน “บ้านตึกดิน” ชิมเมนูอร่อยบนถนนดินสอ
ชวนชิลวันหยุดในย่านพระนคร เดินเล่นแถวๆ ถนนดินสอ ไปเช็คอินที่ “บ้านตึกดิน” บูทีคโฮเทลสุดเก๋และคลาสสิกจากบ้านเก่าอายุกว่า 125 ปี ชิมอาหารจานอร่อยที่ “Din Restaurant and Jazz Bar” จิบกาแฟที่ “Shaloba” และยามเช้าไปตะลุย “ตลาดตรอกหม้อ” ตลาดเช้าย่านเสาชิงช้า ก่อนปิดท้ายด้วยการไหว้พระที่ “วัดสุทัศน์ฯ”
ถ้ามีวันหยุดสบายๆ สักวันสองวัน หลายคนอาจจะเลือกเดินทางท่องเที่ยวในจังหวัดใกล้ๆ ไปสูดอากาศภูเขา หรือไปนั่งเล่นริมทะเล แต่ทริปนี้ “ตะลอนเที่ยว” เลือกใช้เวลาในช่วงวันหยุดในกรุงเทพมหานคร มาเดินเล่นในย่านพระนคร นอนพักผ่อนสบายๆ กินอาหารอร่อยๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศในย่านเก่าของกรุงเทพฯ
เดินทางมาถึง “ถนนดินสอ” ช่วงบ่ายๆ ของวัน อีกสัญลักษณ์สำคัญของย่านนี้ที่คุ้นตากันดีก็คือ “อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย” ที่ตั้งอยู่ใจกลางวงเวียนระหว่างถนนราชดำเนินกับถนนดินสอ
อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สร้างขึ้นในสมัยของรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2482 หลังจากเจ็ดปีให้หลังจากที่มีเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นผลงานการออกแบบของหม่อมหลวงปุ่ม มาลากุล ซึ่งได้ออกแบบโดยการนำสถาปัตยกรรมแบบไทยมาผสมผสานเข้าด้วยกัน และควบคุมการก่อสร้างจนแล้วเสร็จโดยศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี บิดาแห่งศิลปะร่วมสมัยของไทย โดยประติมากรรมที่ถูกสร้างขึ้นในสถานที่แห่งนี้นั้น ทุกสัดส่วนล้วนมีความหมายนัยแฝงทั้งสิ้น
นอกจากนั้นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นในรูปแบบสัญลักษณ์ทางการเมืองแล้ว ในด้านทางคมนาคมยังถูกใช้เป็นหลักกิโลเมตรที่ 0 ของกรุงเทพมหานคร เป็นจุดเริ่มต้นนับระยะทางไปยัง จังหวัด อำเภอ หรือสถานที่ต่างๆ ในประเทศไทยอีกด้วย
มาถึงย่านนี้ในช่วงบ่ายแล้ว ขอแวะเช็คอินโรงแรมสุดเก๋ “บ้านตึกดิน” ที่จะเป็นที่พักของเราในค่ำคืนนี้
“บ้านตึกดิน” (Baan Tuk Din) คือบูทีคโฮเทลแสนเก๋และคลาสสิก จากบ้านเก่าอายุกว่า 125 ปี และด้านหน้าที่เป็นอาคารพาณิชย์ 4 ห้องแถว สู่การเป็นโรงแรมที่พักที่เต็มไปด้วยเฟอร์นิเจอร์วินเทจและของสะสมจากทั่วโลก
แต่เดิม “บ้านตึกดิน” เป็นอาคารหลังใหญ่ สถาปัตยกรรมแบบยุโรป สร้างขึ้นราวสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยตระกูลแสง-ชูโต ประกอบด้วย ตึกใหญ่ เป็นอาคารตึก 2 ชั้น ทาสีเหลืองขมิ้นอ่อน และ เรือนคุณย่า ซึ่งเป็นเรือนไม้แบบเรือนมนิลา ใต้ถุนยกสูง หลังคาปั้นหยาแบบเปิดบางส่วนให้มีหน้าจั่ว (เหตุที่ชื่อ “บ้านตึกดิน” เนื่องจากในสมัยก่อน บริเวณถนนดินสอ เป็นชุมชนที่ส่งออกดินปืนและดินระเบิด จึงถูกเรียกว่า ชุมชนบ้านตึกดิน)
ภายหลังปี พ.ศ.2475 ครอบครัวได้ย้ายออกจากตึกใหญ่มาอยู่ที่เรือนคุณย่า ก่อนที่จะนำโฉนดบ้านตึกใหญ่ถวายคืน รัชกาลที่ ๗ (ปัจจุบันตึกใหญ่ไม่เหลือสภาพแล้ว) จากนั้น เรือนคุณย่าก็มีการเปลี่ยนแปลงมาตลอด จนกระทั่งถูกพลิกฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง สู่การเป็นบูทีคโฮเทลในปัจจุบัน
เมื่อเปิดประตูเข้ามาด้านใน ก็สัมผัสได้ถึงความคลาสสิกในทุกมุม ตั้งแต่โครงสร้างดั้งเดิมที่ถูกอนุรักษ์ไว้ จั่ว โครงเสา ที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ไปจนถึงกำแพง โต๊ะ เก้าอี้ โคมไฟ หีบใบใหญ่ ฯลฯ ก็ล้วนแต่เป็นของสะสมที่ ราจิต แสง-ชูโต ทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูลแสง-ชูโต ตระเวนซื้อและเก็บสะสมมาจากทั่วโลก และยังรวมไปถึงโครงกระดูกสัตว์ที่มีอยู่ทั้งบริเวณโถงทางเดิน และห้องหนังสือ เป็นของสะสมที่เริ่มจากการสูญเสียสัตว์เลี้ยงและอยากเก็บสิ่งที่รักไว้ โดยโครงกระดูกทั้งหมดนี้ได้มาอย่างถูกกฎหมายและมีใบอนุญาตทั้งสิ้น
ในส่วนของห้องพักนั้น แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ Deluxe ที่ตั้งอยู่บริเวณตึกด้านหน้า สามารถมองเห็นวิวถนนดินสอและตึกแถวรอบๆ ได้จากในห้อง Premier ห้องนี้จะมีห้องอาบน้ำและห้องน้ำแยกฝั่งกัน ส่วนเตียงอยู่บริเวณกึ่งกลางห้อง ซึ่งสามารถมองผ่านหน้าต่างออกไปเจอวิวถนนดินสอ
Junior Suite ความพิเศษอยู่ตรงที่เป็นห้องมุมแปดเหลี่ยม เป็นความคลาสสิกแบบบ้านโบราณ พร้อมเครื่องเรือนที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นน่าพักผ่อน Duplex ห้องพักแบบ 2 ชั้น ที่ไฮไลต์อยู่ตรงบันไดวน ชั้นล่างเป็นห้องนั่งเล่น ชั้นบนเป็นห้องนอน The Royal Suite เป็นห้องขนาดใหญ่ที่สุด หากเข้ามาด้านในก็จะเป็นซุ้มโค้งที่ก่อด้วยอิฐมอญ มีหีบขนาดใหญ่ โซฟาหนัง และโคมไฟวินเทจ ส่วนสิ่งที่ทุกห้องมีเหมือนกันคือเตียงหนานุ่มนอนสบาย ที่เหมาะกับการพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนบนชั้นสองที่เดิมเคยเป็นชานระเบียง ก็ถูกปรับมาเป็นห้องหนังสือ เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจ อ่านหนังสือ จิบเครื่องดื่มอร่อยๆ สักแก้ว หรือใครที่ต้องทำงาน ก็สามารถใช้ห้องนี้เป็นห้องทำงานบรรยากาศอบอุ่น ช่วยเติมไฟให้กับการทำงานได้ไม่น้อย
มาพักที่นี่แล้ว มื้อค่ำก็ชวนชิมอาหารอร่อยที่ “Din Restaurant and Jazz Bar” ร้านอาหารที่เสิร์ฟอาหารไทยแบบโฮมคุกกิ้งรสมือแม่ และอาหารฝรั่งรสชาติถูกปากคนไทย รวมถึงการเป็น Jazz Bar สุดเก๋ ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้นล่างของโรงแรมนี่เอง
เมนูอร่อยต้องลองชิม เช่น หอยเชลล์อบเนยกระเทียม ซุปหัวหอม สลัดบีทรูท กุ้งแม่น้ำทอดเกลือ ผัดไทยกุ้งแม่น้ำ แกงเขียวหวานเนื้อ เป็นต้น
อิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ได้เวลาพักผ่อนสบายๆ ในยามค่ำคืน ก่อนจะตื่นมาในยามเช้าอย่างสดใส ชวนออกไปเดินเล่นย่านเสาชิงช้าที่อยู่ใกล้ๆ
ก่อนอื่นขอตรงไปที่ “ตลาดตรอกหม้อ” หรือ ตลาดเทศา มีชื่อทางการว่า ชุมชนราชบพิธพัฒนา เป็นชุมชนและตลาดสดในกรุงเทพ ถือเป็นหนึ่งในตลาดที่คึกคักและเก่าแก่ที่สุด ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับเสาชิงช้า
ในตรอกเล็กๆ แห่งนี้ เป็นตลาดยามเช้าที่คึกคักมากๆ มีร้านขายของกินแน่นตั้งแต่ต้นซอยยันท้ายซอย เริ่มตั้งแต่ปากซอยก็มีอาหารเช้ากินง่ายๆ อย่างพวกข้าวเหนียวหมูปิ้ง ขนมครก ขนมจีบซาลาเปา ถัดเข้ามาในซอยก็จะเห็นผักผลไม้สด เนื้อสัตว์ อาหารทะเลสดๆ ใหม่ๆ ของแห้ง เครื่องปรุง แล้วก็ยังมีของกินอร่อยๆ ให้ซื้อกลับบ้านอีกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นข้าวแกง กับข้าวต้ม หมูทอด หมูแดง หมูกรอบ ปลาทูทอด น้ำพริก เผือกทอด น้ำหวานชง ขนมหวานไทยๆ เป็นต้น
ใครจะมาเดินชอปที่ตลาดตรอกหม้อ สามารถมาได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00-10.00 น. (แนะนำให้มาก่อน 08.00 น. จะยังมีอาหารขายกันคึกคัก ถ้าไปช่วงสายแล้วบางร้านอาจจะของหมดได้)
จากตลาดตรอกหม้อ เดินย้อนกลับมาทางเดิม มาถ่ายรูป “เสาชิงช้า” ในยามเช้า
“เสาชิงช้า” สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ มีการกำหนดจุดศูนย์กลางของพระนครหรือ สะดือเมือง และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นที่ตั้งของเทวสถานโบสถ์พราหมณ์ รวมถึงเสาชิงช้า และบริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของวัดสำคัญอย่างวัดสุทัศนเทพวรารามอีกด้วย
ว่าแล้วก็ข้ามถนนมาไหว้พระกันที่ “วัดสุทัศนเทพวราราม” เข้ามาภายในพระวิหาร สักการะ “พระศรีศากยมุนี” (หลวงพ่อโต) ซึ่งอัญเชิญมาจากพระวิหารหลวงวัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย ส่วนด้านหลังพระวิหารคือพระอุโบสถ ประดิษฐาน “พระพุทธตรีโลกเชษฐ์” พระพุทธรูปปางมารวิชัยซึ่งเป็นพระประธานในพระอุโบสถที่หล่อขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ องค์พระประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีสูงเด่น เบื้องหน้ามีพระอสีติมหาสาวก 80 องค์ นั่งพนมมือเหมือนกำลังฟังพระบรมโอวาทจากพระพุทธองค์
เดินกลับมาที่โรงแรม เติมเต็มกระเพาะในยามสายกับมื้อ Breakfast ที่เสิร์ฟในสไตล์อาหารตะวันตก สามารถเลือกเมนูที่ชอบได้เลย
ส่วนใครเป็นคอกาแฟ แนะนำให้นั่งชิลกันต่อที่โรงแรม กับ “Shaloba” โซนร้านกาแฟที่โดดเด่นด้วยคอนเซ็ปต์ Sand Coffee จากตุรกี ก็คือวิธีการทำกาแฟแบบหนึ่ง โดยจะต้มกาแฟในหม้อ ที่ตั้งอยู่บนทรายร้อน 200 องศา ตัวทรายนำเข้าจากประเทศแถบตะวันออกกลาง เป็นทรายละเอียดที่ผ่านกระบวนการพาสเจอไรส์แล้ว ลูกค้าสามารถเลือกเมล็ดกาแฟเองได้ นำไปต้มจนเดือด ก่อนจะกรองกากกาแฟออกด้วยฟิลเตอร์
เพลิดเพลินกับกลิ่นหอมของกาแฟ รื่นรมย์ไปกับบรรยากาศคลาสสิก เต็มอิ่มกับการพักผ่อนแสนสบาย รวมถึงอาหารอร่อยๆ นับว่าทริปพักผ่อนสั้นๆ ในกรุงเทพฯ ช่วยเติมเต็มความสุขได้ไม่น้อย
* * * * * * * * * * * * * *
“บ้านตึกดิน” ตั้งอยู่บนถนนดินสอ เขตพระนคร กทม. สอบถามเพิ่มเติม โทร. 06-2468-8644 www.baantukdinhotel.com Facebook : Baan Tuk Din Hotel
#########################################
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO