พาณิชย์ รับส่งออกข้าว 7 เดือนปี 68 วูบลงกว่า 25% เหลือ 4.3 ล้านตัน เหตุผลผลิตล้น แข่งขันสูง บาทแข็ง เร่งเครื่องหาเจาะตลาดใหม่ รุกจีน–สหรัฐฯ ดันทั้งปีโตตามเป้า 7.5 ล้านตัน
BTimes
อัพเดต 26 สิงหาคม 2568 เวลา 23.00 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • อัพเดตข่าวหุ้น ธุรกิจ การเงิน การลงทุน การตลาด การค้า สุขภาพ กับ บัญชา ชุมชัยเวทย์ - BTimes.Bizนางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ระบุว่า มูลค่าการส่งออกข้าวลดลง สาเหตุหลักมาจากผลผลิตข้าวโลกที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอินเดียที่กลับมาส่งออกตามปกติและคาดว่าจะมีผลผลิตสูงกว่า 150 ล้านตัน ประกอบกับความต้องการนำเข้าข้าวลดลงจากบางประเทศผู้นำเข้าหลัก เช่น อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ รวมถึงปัจจัยค่าเงินบาทที่ผันผวนและแข็งค่าขึ้นซึ่งกระทบต่อศักยภาพการแข่งขันของข้าวไทย
อย่างไรก็ตามแม้ภาพรวมการส่งออกจะลดลง แต่ตลาดสำคัญหลายแห่งยังขยายตัว เช่น จีน สหรัฐอเมริกา แอฟริกาใต้ ตะวันออกกลาง และยุโรป โดยข้าวหอมมะลิไทย ข้าวนึ่ง ข้าวเหนียว และข้าวกล้องเป็นชนิดที่มีปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ข้าวขาวและข้าวหอมไทยเผชิญการแข่งขันด้านราคาสูงจากเวียดนาม อินเดีย และปากีสถาน ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายสำคัญในตลาดโลก
สำหรับตลาดสหรัฐฯ แม้จะเริ่มจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) อัตรา 19% ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา แต่ข้าวหอมมะลิไทยยังมีความสามารถในการแข่งขัน เนื่องจากข้าวหอมเวียดนามถูกจัดเก็บภาษีสูงกว่าในอัตรา 20% ข้อมูลการส่งออกช่วง 7 เดือนแรกแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ นำเข้าข้าวไทยเพิ่มขึ้น 4.26% คาดว่าปริมาณส่งออกทั้งปีไปสหรัฐฯ จะใกล้เคียงปีก่อนที่ประมาณ 800,000 ตัน โดยส่วนใหญ่เป็นข้าวหอมมะลิราว 600,000 ตัน
ขณะที่ตลาดฟิลิปปินส์ ซึ่งไทยส่งออกข้าวไปแล้ว 160,000 ตัน ในปีนี้ คิดเป็น 3.72% ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการระงับการนำเข้าข้าวชั่วคราว 60 วัน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันตลาด โดยในปีนี้ตลาดข้าวโลกเผชิญการแข่งขันสูง ไทยจึงเดินหน้ากลยุทธ์เชิงรุกเพื่อรักษาความสามารถทางการค้า โดยกรมฯ ได้หารือร่วมกับภาคเอกชนและสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย วางแผนผลักดันยอดส่งออกในช่วง 5 เดือนสุดท้ายของปีให้ได้ตามเป้าหมาย 7.5 ล้านตัน ผ่านมาตรการสำคัญ ได้แก่ เร่งเจรจาข้อตกลงซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (G2G) กับรัฐบาลจีน ซึ่งยังเหลือปริมาณตามสัญญาอีก 280,000 ตัน การขยายตลาดข้าวขาวและข้าวนึ่งไปยังประเทศที่มีความต้องการสูง เช่น ซาอุดีอาระเบียและอิรัก การเจรจาเปิดตลาดใหม่กับญี่ปุ่น และรับรองคณะผู้นำเข้าข้าวฮ่องกงเดินทางเยือนไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพและมาตรฐาน ตลอดจนประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในงานแสดงสินค้านานาชาติครอบคลุมตลาดศักยภาพ เช่น ออสเตรเลีย จีน เยอรมนี และซาอุดีอาระเบีย เป็นต้น ซึ่งกระทรวงฯยังมั่นใจว่า มาตรการเชิงรุกในช่วง 5 เดือนที่เหลือจะช่วยกระตุ้นคำสั่งซื้อและสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพข้าวไทย ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันยอดส่งออกปีนี้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้