‘ดร.สุวิทย์’ ยกบทเรียนในต่างประเทศ ถึงเวลาปฏิรูปครั้งใหญ่เพื่อความอยู่รอด ท่ามกลางโลกป่วน
27 ส.ค. 2568 - ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า
ถึงเวลาของการขับเคลื่อน The Second Great Reform !
บทเรียน “จารีต × ปฏิรูป”: ความสำเร็จและความล้มเหลว
หลายประเทศพยายามผสาน “จารีต” (Tradition/Heritage/Institution) เข้ากับ “การปฏิรูป” (Reform/Modernization/Innovation) แต่ผลลัพธ์แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับ “วิธีการจัดการสมดุล” ระหว่างสององค์ประกอบนี้
บทเรียนที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศ
ญี่ปุ่น – Meiji Restoration
• จารีต: รักษาสถาบันจักรพรรดิเป็นศูนย์รวมใจชาติ
• ปฏิรูป: ปรับโครงสร้างการปกครอง เศรษฐกิจ การศึกษา การทหารแบบตะวันตก
• ผลลัพธ์: ประเทศทันสมัยรวดเร็ว รักษาอัตลักษณ์ชาติ และก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจเอเชีย
• บทเรียน: ใช้จารีตเป็นฐานความชอบธรรม ให้การปฏิรูปมีรากในสังคม
อังกฤษ – Constitutional Monarchy & Gradual Reform
• จารีต: รักษาสถาบันกษัตริย์เป็นสัญลักษณ์เอกภาพ
• ปฏิรูป: ค่อยๆ ขยายอำนาจรัฐสภา สิทธิพลเมือง และการเลือกตั้ง
• ผลลัพธ์: ปรับสมดุลจาก Absolute → Constitutional Monarchy อย่างสันติ
• บทเรียน: การปฏิรูปทีละขั้น (Incremental Reform) สร้างความมั่นคง ลดแรงปะทะ
โมร็อกโก – Reforms under King Mohammed VI
• จารีต: ราชวงศ์เป็น “ผู้ปกป้องศรัทธา” ตามจารีตอิสลาม
• ปฏิรูป: กฎหมายสิทธิสตรี รัฐธรรมนูญใหม่ เปิดเศรษฐกิจ
• ผลลัพธ์: ปรับตัวในโลกสมัยใหม่โดยไม่เสียเสถียรภาพ
• บทเรียน: Reform within Tradition ทำให้การเปลี่ยนแปลงยอมรับได้ในสังคมอนุรักษ์นิยม
บทเรียนที่ล้มเหลวในต่างประเทศ
อิหร่าน – ราชวงศ์ปาห์ลาวี (1925–1979)
• ตัดขาดจารีต: ลดบทบาทศาสนา เร่ง Modernization แบบตะวันตก
• ผลลัพธ์: ขาดความชอบธรรม → การปฏิวัติอิสลาม 1979
• บทเรียน: ปฏิรูปที่ตัดขาดจารีต → สูญเสียการยอมรับ
จีน – ราชวงศ์ชิง (ศตวรรษที่ 19)
• ยึดติดจารีต: รักษาระบบราชการขงจื๊อ ไม่ยอมปฏิรูปจริง
• ผลลัพธ์: อ่อนแอ สูญเสียดินแดน ถูกขนานนาม “คนป่วยแห่งเอเชีย”
• บทเรียน: ยึดติดจารีตเกินไป → ไม่สามารถแข่งขันกับโลกสมัยใหม่
ออตโตมัน – Tanzimat Reforms (1839–1876)
• ปฏิรูปไม่เข้ากับบริบท: เลียนแบบกฎหมาย/สถาบันตะวันตก แต่ไม่เปลี่ยนโครงสร้างเดิม
• ผลลัพธ์: แรงต้านสูง ความเปลี่ยนแปลงไม่ยั่งยืน → อาณาจักรล่ม
• บทเรียน: ปฏิรูปที่ ไม่สอดคล้องกับจารีตและสังคม → ถูกปฏิเสธ
รัสเซีย – ซาร์นิโคลัสที่ 2
• ปฏิรูปครึ่งๆ กลางๆ: ตั้ง Duma หลัง 1905 แต่ยังคงระบบซาร์อัตตาธิปไตย
• ผลลัพธ์: ไม่ทันต่อแรงกดดันทางสังคม → การปฏิวัติบอลเชวิก 1917
• บทเรียน: Too Little, Too Late → ปฏิรูปไม่ทันเวลา
ความสำเร็จในประเทศไทย: รัชกาลที่ 5
• จารีต: พระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมอำนาจและเอกภาพ
• ปฏิรูป: เลิกทาส ปรับกองทัพ ศาล การศึกษา การบริหารราชการ
• ผลลัพธ์: รักษาเอกราชท่ามกลางภัยอาณานิคม
• บทเรียน: จารีตเป็นเจ้าภาพปฏิรูป → สร้างความชอบธรรมและความต่อเนื่อง
ความล้มเหลวในประเทศไทย
1. การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475
• ปัญหา: ถูกมองว่า “ตัดขาดจารีต” (แม้ยังคงสถาบันกษัตริย์ แต่ลดอำนาจอย่างเฉียบพลัน)
• ผลลัพธ์: ความชอบธรรมของระบอบใหม่ไม่มั่นคง → เกิด “Shadow Power” ของจารีตเก่า
• บทเรียน: ปฏิรูปที่ไม่สร้าง “สะพานเชื่อม” ให้จารีตมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ → ระบบเปราะบาง
2. การปฏิรูปการเมืองหลัง 2540
• ปัญหา: แม้สร้างกลไกประชาธิปไตย แต่ยังรักษาอำนาจจารีตเก่า (กองทัพ ระบบราชการ)
• ผลลัพธ์: เกิดความขัดแย้งระหว่าง “ระเบียบใหม่” กับ “Deep State” → รัฐประหารซ้ำ
• บทเรียน: จารีตที่แข็งตัวโดยไม่ถูกตีความใหม่ → ถูกมองเป็น “ตัวถ่วงการปฏิรูป”
3. การปฏิรูปที่ไร้เจ้าภาพจารีต
• ปัญหา: หลายการปฏิรูป (อาทิ การศึกษา/เศรษฐกิจ) เป็นโครงการรัฐ มากกว่าการเชื่อมโยงกับทุนวัฒนธรรม เช่น ศาสนา ชุมชน หรือสถาบันหลัก
• ผลลัพธ์: ขาดพลังสังคม ไม่ยั่งยืน เปลี่ยนรัฐบาลก็ล้ม
• บทเรียน: ปฏิรูปที่ไม่ให้จารีตร่วมเป็นเจ้าภาพ → ขาดความต่อเนื่อง
4. การใช้จารีตเป็นเครื่องมือทางการเมือง
• ปัญหา: หลังรัฐประหาร จารีตมักถูกอ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมในการหยุดยั้งประชาธิปไตย
• ผลลัพธ์: จารีตสูญเสียความศักดิ์สิทธิ์ ถูกมองเป็นส่วนหนึ่งของ Deep State
• บทเรียน: หากจารีตถูกใช้เพื่อผลประโยชน์การเมือง → จะเสื่อมความน่าเชื่อถือระยะยาว
สรุปเงื่อนไขสำเร็จ–ล้มเหลว
เงื่อนไขความสำเร็จ:
• จารีตเป็นฐานความชอบธรรม
• จารีตถูกตีความใหม่ ให้เข้ากับพลวัตการเปลี่ยนแปลง
• ปฏิรูปมีเป้าหมายชัดเจน (เช่น การอยู่รอดของชาติ)
• ผู้นำมีวิสัยทัศน์และอำนาจเพียงพอ
• ปฏิรูปเป็นขั้นเป็นตอน ลดแรงต้าน
เงื่อนไขความล้มเหลว:
• ปฏิรูปที่ตัดขาดจากจารีต → สูญเสียการยอมรับ
• ปฏิรูปที่ยึดติดจารีตเกินไป → ปิดกั้นการปรับตัว
• ปฏิรูปที่ไร้เจ้าภาพจารีต → ไม่ยั่งยืน
• จารีตที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือการเมือง → เสื่อมความน่าเชื่อถือ
หาก The First Great Reform ในสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 5 ช่วยรักษาเอกราช ท่ามกลางคลื่นล่าอาณานิคม
วันนี้คือเวลาของ The Second Great Reform—ปฏิรูปครั้งใหญ่เพื่อความอยู่รอด เกียรติภูมิ และศักดิ์ศรีของชาติไทย ท่ามกลางกระแสโลกป่วน