เผ่าภูมิ ลั่นปีนี้จีดีพีไทยโตเกิน 2.2% จากแรงหนุน ส่งออก-ดอกเบี้ยขาลง
เผ่าภูมิ ลั่นปีนี้จีดีพีไทยโตเกิน 2.2% จากแรงหนุน ส่งออก-ดอกเบี้ยขาลง
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไว้ที่ 2.2% ซึ่งเป็นการปรับเพิ่มจากช่วงแรก ขณะที่หลายสำนักต่างๆก็ได้มีการปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทยขึ้นเรื่อย ๆ
"ตอนนี้ตัวเลขที่อยู่ในมือออกมาดี มีแนวโน้มที่จะมีการ ปรับคาดการณ์ขึ้น คงต้องรอฟังตัวเลขที่เกิดความชัดเจน ก็จะมีการประกาศเรื่อยๆ" รมช.คลัง กล่าว
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจคือประเด็นด้านการส่งออก ซึ่งในช่วงแรกหลายสำนักเคยประเมินว่าจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงด้านมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของสหรัฐอเมริกา (Reciprocal Tariff) ที่ 19% แต่ผลที่เกิดขึ้นจริงกลับเป็นบวกต่อประเทศไทย โดยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่ง ไทยไม่ได้เสียเปรียบในด้านอัตราภาษี และยังมีข้อได้เปรียบจากสัดส่วนสินค้าที่ผลิตในไทย (Regional Value Content: RVC) ที่สูงกว่าประเทศคู่แข่ง ทำให้โอกาสเสียภาษีนำเข้าสูงมีน้อยกว่า ส่งผลให้ผู้ส่งออกไทยได้เปรียบด้านราคามากกว่า และทำให้ปัจจัยลบที่เคยกังวลในช่วงแรกผ่อนคลายลงอย่างมาก
อีกปัจจัยที่ช่วยเสริมเศรษฐกิจคือการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งช่วยหนุนสภาพคล่องและการลงทุน ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ วงเงินกว่า 157,000 ล้านบาท ซึ่งได้ถูกใช้ไปแล้วกว่า 130,000 ล้านบาท และกำลังเร่งรัดการเบิกจ่าย โดยจะส่งผลชัดเจนต่อเศรษฐกิจจริงในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ และไตรมาสแรกของปีหน้า ส่วนมาตรการคงต้องรอดูสถานการณ์ต่าง แต่ถือว่าเม็ดเงินก้อนใหญ่แล่ว
"ตัวเลขเศรษฐกิจในปีนี้ ครึ่งปีแรกเศรษฐกิจไทยขยายตัวเฉลี่ย 3% แต่ครึ่งปีหลังคาดว่าจะต่ำกว่า 3% อย่างไรก็ตาม หากมองทั้งปีรวมกัน มีโอกาสสูงที่จะเติบโตเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ 2.2% ปัจจัยหนุนหลักคือการใช้จ่ายภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชนที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง แม้การส่งออกจะชะลอบ้างในครึ่งหลังแต่ยังถือว่าทำได้ดีกว่าที่หลายฝ่ายกังวล" รมช.คลัง กล่าว
ในด้านเสถียรภาพการคลัง นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ตัวเลขหนี้สาธารณะต่อจีดีพีล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 64.2% และถือเป็นการปรับลดลงครั้งแรกในรอบราว 10 เดือน สะท้อนว่าหนี้สาธารณะโตช้ากว่าจีดีพี ถือเป็นพัฒนาการเชิงบวก ขณะที่ภาระดอกเบี้ยต่อรายได้รัฐบาลยังอยู่ที่ระดับ 9% ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ 10% ที่นักลงทุนและสถาบันจัดอันดับเครดิตใช้เป็นเกณฑ์พิจารณาความเสี่ยงด้านเครดิต ดังนั้นจึงยังอยู่ในระดับปลอดภัย
ทั้งนี้ แม้แนวโน้มภาระดอกเบี้ยอาจปรับสูงขึ้นจากระดับดอกเบี้ยโลก แต่หากเศรษฐกิจเติบโตได้ต่อเนื่อง รัฐบาลสามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น ภาระดอกเบี้ยต่อรายได้ก็ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ ไม่เป็นอุปสรรคต่อเครดิตเรตติ้งของประเทศ เพราะหน่วยงานจัดอันดับเครดิตจะพิจารณาปัจจัยหลายมิติ ไม่ใช่เพียงสัดส่วนหนี้ต่อรายได้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงศักยภาพการเติบโต ความสามารถในการชำระหนี้ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน นโยบายการคลังและการเงิน ตลอดจนโครงการพัฒนาที่เดินหน้าในประเทศ
ในส่วนของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) นายเผ่าภูมิ เปิดเผยว่า ตัวเลขการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ FDI ล่าสุดออกมาดีที่สุดเป็นประวัติการณ์ ถือเป็นสัญญาณที่ดีของความเชื่อมั่น โดยรัฐบาลจะสนับสนุนเพิ่มเติมในด้านการปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อให้ง่ายต่อการทำธุรกิจ รวมถึงการออกสิทธิประโยชน์ทางภาษีและที่ไม่ใช่ภาษีให้มีความน่าสนใจมากขึ้น อีกทั้งยังมีร่างพระราชบัญญัติศูนย์กลางการเงิน (Financial Hub) ซึ่งคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ วาระ 1 ในอีกไม่เกิน 2 สัปดาห์
ด้านนโยบายการเงิน นายเผ่าภูมิ ระบุว่า ปัจจุบันยังมีพื้นที่ทางนโยบาย (monetary policy space) ที่สามารถปรับลดดอกเบี้ยได้อีก หากมีความจำเป็นต่อการสนับสนุนเศรษฐกิจ แต่ยืนยันว่าเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในการพิจารณาตามความเหมาะสม ขณะเดียวกันยังแสดงความมั่นใจว่าผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่มีศักยภาพสูงและจะดำเนินนโยบายที่เหมาะสมต่อเศรษฐกิจ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : เผ่าภูมิ ลั่นปีนี้จีดีพีไทยโตเกิน 2.2% จากแรงหนุน ส่งออก-ดอกเบี้ยขาลง
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th