โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

รัฐต้องชดเชยเท่าไหร่ เมื่อค่ารถไฟฟ้า 20 บาท

ไทยโพสต์

อัพเดต 26 สิงหาคม 2568 เวลา 15.19 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"ตัวเลขนี้อาจเพิ่มขึ้นจากที่คำนวณไว้ เนื่องจากยังไม่ได้คำนวณกรณีการเดินทางข้ามสายที่นโยบายบอกว่าราคา 20 บาทตลอดสายนั้น ไม่ว่าจะเดินทางกี่ต่อ กี่สาย ก็จะคิดราคา 20 บาท เพราะยังไม่มีข้อมูลผู้โดยสารเดินทางข้ามสาย รวมไปถึงตัวเลขผู้ใช้รถไฟฟ้าอาจจะสูงขึ้นในอนาคต และยังไม่รวมค่าต้นทุนการเดินรถอื่นๆ และค่าใช้จ่ายในการทำระบบทั้งหมด"

หลังจากรัฐบาลเปิดให้ประชาชนที่ต้องการใช้สิทธิ์ขึ้นรถไฟฟ้าราคา 20 บาททุกสาย เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 โดยลงทะเบียนผ่านแพลตฟอร์มแอปพลิเคชั่นทางรัฐ ล่าสุด Rocket Media Lab สื่อที่ทำงานด้าน Data Journalism ติดตามประเด็นสังคม ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพ เพื่อให้สื่อมวลชนสามารถนำข้อมูลไปต่อยอดในงานข่าวได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย พร้อมทั้ง ออกแบบการวิจัยด้วยระเบียบวิธีหลากหลาย อาทิ การค้นคว้าสอบทานจากฐานข้อมูลสาธารณะ ทั้งที่มีอยู่แล้วและที่รวบรวมขึ้นใหม่ การสำรวจทัศนคติและพฤติกรรมของคน ผ่านแบบสอบถามหรือเครื่องมือติดตามบทสนทนาในสื่อสังคม การทบทวนวรรณกรรม และการสัมภาษณ์

ข้อมูลที่นำเสนอวันนี้ เป็นการนำในส่วนของข้อมูลที่ Rocket Media Lab รายงานตัวเลขงบประมาณ ที่รัฐต้องชดเชยให้กับ รถไฟฟ้าทุกสาย หลังจากนโยบายรัฐไฟฟ้าทุกสาย 20บาท ที่จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568

มาลองคำนวณงบประมาณที่ต้องใช้ในการชดเชยนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายแก่รถไฟฟ้าทั้ง 7 สาย ว่าจะต้องใช้งบประมาณเท่าไร และนโยบายขนส่งสาธารณะในกรุงเทพฯ นอกจากรถไฟฟ้าแล้วจะต้องทำอะไรอีกบ้าง

ในแผนพัฒนากรุงเทพมหานคร 12 ปี (2552-2563) เป็นครั้งแรกที่มีการแบ่งระบบขนส่งสาธารณะออกเป็น 2 ระบบหลัก และระบบรอง โดยชูให้ระบบรถบนรางเป็นระบบหลัก (รถไฟฟ้า) และให้ระบบรถบนถนน (รถเมล์) เป็นระบบรอง

ในปี 2557 รถโดยสารประจำทางของ ขสมก. มีจำนวนผู้โดยสาร 306,010,547 คน-เที่ยวต่อปี ในขณะที่จำนวนผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้าประกอบไปด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีน้ำเงิน และแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มีจำนวนทั้งสิ้น 338,743,402 คน-เที่ยวต่อปี ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รถไฟฟ้ามียอดผู้โดยสารแซงหน้ารถเมล์

จากการคำนวณเงินชดเชยรถไฟฟ้า 20 บาท พบว่าจะใช้เงินชดเชยประมาณ 7,199,524,469 บาทต่อปี แต่หากคิดจากค่าโดยสารสูงสุด นโยบายนี้อาจใช้เงินสูงถึง 17,307,888,678 บาทต่อปี ในขณะที่คณะรัฐมนตรีได้เสนอกรอบวงเงินชดเชยรายได้ค่าโดยสารรถไฟฟ้า ในงบประมาณประจำปี 2569 ไว้ที่ 5,512 ล้านบาท

ในปี 2563 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มีรายได้จากการเดินรถ 3,799.10 ล้านบาท ในขณะที่ได้รับรายได้เงินอุดหนุนจากรัฐ 4,475.98 ล้านบาท เป็นครั้งแรกที่ ขสมก. มีรายได้จากการเดินรถน้อยกว่าเงินอุดหนุนจากรัฐ และนับแต่นั้นมา ขสมก. มีรายได้จากการเดินรถน้อยกว่ารายได้เงินอุดหนุนจากรัฐ

จากนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายของพรรคเพื่อไทยในช่วงหาเสียง จนล่าสุดเมื่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้นำร่องนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โดยจะเริ่มให้บริการในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ครอบคลุมโครงข่ายเส้นทางรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพและปริมณฑล จำนวน 13 เส้นทาง ระยะทางรวม 279.84 กม. 194 สถานี โดยจะใช้เงินชดเชยรายได้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าในงบประมาณประจำปี 2569 จำนวน 5,512 ล้านบาท ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดียว่านโยบายนี้เป็นการนำเอาภาษีของประชาชนมาช่วยเหลือคนเฉพาะในกรุงเทพฯ หรือไม่ จนไปถึงประเด็นการใช้งบประมาณในนโยบายครั้งนี้ว่าจะเพียงพอ หรือได้ประโยชน์อย่างแท้จริงหรือไม่

นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย รัฐต้องชดเชยเท่าไหร่ ในปี 2566 พรรคเพื่อไทยได้ชูนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน และเพิ่มเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะ โดยในระยะแรก พรรคเพื่อไทยประกาศว่าจะเร่งเจรจากับทุกภาคส่วน เพื่อลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าให้อยู่ที่ 20 บาท ตลอดสาย ไม่ว่าจะยาวกี่สถานีหรือข้ามสายก็ตาม

หลังจากพรรคเพื่อไทยสามารถเข้ามาเป็นรัฐบาล ในปี 2566 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้นำร่องรถไฟฟ้า 20 บาท ในสายสีแดงและสีม่วงโดยเริ่มให้บริการในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 พร้อมย้ำว่านโยบายนี้ไม่เป็นภาระต่องบประมาณ และรัฐไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินชดเชย

อย่างไรก็ตาม มีการประมาณการว่ารัฐต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย โดยรถไฟฟ้าสายสีแดงโดยการรถไฟแห่งประเทศไทยขอเงินชดเชยจากรัฐบาล 80 ล้านบาทต่อปี เพื่อชดเชยรายได้ ในขณะที่รถไฟฟ้าสายสีม่วงมีรายได้เพิ่มขึ้น ทำให้อาจยกเลิกการชดเชยรายได้ในอนาคต

จากนั้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมาที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าทุกสาย ในราคาไม่เกิน 20 บาทตลอดสาย ตามนโยบายของรัฐบาล ที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยจะครอบคลุมโครงข่ายเส้นทางรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพและปริมณฑล จำนวน 13 เส้นทาง ระยะทางรวม 279.84 กม. 194 สถานี

โดยคณะรัฐมนตรีได้เสนอกรอบวงเงินชดเชยรายได้ค่าโดยสารรถไฟฟ้า ในงบประมาณประจำปี 2569 ไว้ที่ 5,512 ล้านบาท แบ่งออกเป็นการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) 666 ล้านบาทจากงบประมาณแผ่นดิน ชดเชยรถไฟฟ้าสายสีแดง 189 ล้านบาท และแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 477 ล้านบาท การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) 2,321 ล้านบาท จากกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วมหรือแหล่งเงินอื่นๆ ชดเชยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน 1,192 ล้านบาท สีม่วง 480 ล้านบาท สีเหลือง 249 ล้านบาท และสีชมพู 400 ล้านบาทกรุงเทพมหานคร (กทม.) 2,525 ล้านบาท ยังไม่มีการระบุที่มาของแหล่งเงิน ชดเชยสายสีเขียว 2,503 ล้านบาท และสีทอง 22 ล้านบาท

หลังจากนั้นในวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้แสดงความกังวลเรื่องวงเงินชดเชยส่วนต่าง เนื่องจากทางกระทรวงคมนาคมเสนอให้วงเงินชดเชย 2,525 ล้านบาท ให้กทม. เป็นผู้ดูแลส่วนต่างของรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสายสีทอง ในขณะที่ กทม. กังวลเรื่องที่มาของแหล่งเงินที่จะนำมาชดเชยยังไม่ชัดเจน และมองว่าในการชดเชยรถไฟฟ้าสายสีเขียวและสีทองอาจต้องชดเชยส่วนต่างรายได้สูงถึง 11,059.64 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม วงเงินชดเชย 11,059.64 ล้านบาท ที่กทม. กล่าวถึงมาจากการคำนวณรวมกับต้นทุนการเดินรถ การติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและระบบประตูกั้นชานชาลา ทำให้ตัวเลขอาจจะมากกว่าส่วนต่างค่าชดเชยที่คิดเฉพาะผู้โดยสาร

Rocket Media Lab นำข้อมูลจำนวนผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้ามาคำนวณเพื่อหาว่านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จะต้องมีการชดเชยเท่าไร โดยจะใช้ข้อมูลสถิติจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะในกรุงเทพมหานคร ปี 2567 จากสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. (ประกอบไปด้วย รถไฟฟ้าสายสีเขียว สีน้ำเงิน สีม่วง สีแดง สีเหลือง และสีชมพู) และรายงานโครงสร้างพื้นฐานทางราง ประจำปี 2567 จากกรมขนส่งทางราง (เฉพาะตัวเลขผู้โดยสารของแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เนื่องจากในสถิติของสำนักการจราจรและขนส่งยังไม่มีข้อมูลนี้) พร้อมราคาค่าโดยสารเฉลี่ยและราคาค่าโดยสารสูงสุดของแต่ละสาย โดยการคำนวณจะแบ่งออกเป็นดังนี้

รถไฟฟ้าสายสีเขียว มีราคาค่าโดยสารอยู่ที่ 17 - 62 บาท และมีจำนวนผู้โดยสาร 266,178,897 คน-เที่ยวต่อปี หากคิดค่าชดเชยจากราคาค่าโดยสารเฉลี่ย คือ 37 บาท เท่ากับรัฐต้องจ่ายค่าส่วนต่างที่ 17 บาทต่อคน เมื่อนำมาคูณกับจำนวนผู้โดยสารต่อปี พบว่ารัฐต้องชดเชยรถไฟฟ้าสายสีเขียว 4,525,041,249 บาทต่อปี แต่ถ้าคิดจากราคาค่าโดยสารสูงสุด คือ 62 บาท เท่ากับรัฐต้องจ่ายค่าส่วนต่างที่ 42 บาทต่อคน เมื่อนำมาคูณกับจำนวนผู้โดยสารต่อปี พบว่ารัฐต้องชดเชยรถไฟฟ้าสายสีเขียว 11,179,513,674 บาทต่อปี

รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน มีราคาค่าโดยสารอยู่ที่ 15 - 45 บาท และมีจำนวนผู้โดยสาร 156,108,398 คน-เที่ยวต่อปี หากคิดค่าชดเชยจากราคาค่าโดยสารเฉลี่ย คือ 31 บาท เท่ากับรัฐต้องจ่ายค่าส่วนต่างที่ 11 บาทต่อคน เมื่อนำมาคูณกับจำนวนผู้โดยสารต่อปี พบว่ารัฐต้องชดเชยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน 1,717,192,378 บาทต่อปี แต่ถ้าคิดจากราคาค่าโดยสารสูงสุด คือ 45 บาท เท่ากับรัฐต้องจ่ายค่าส่วนต่างที่ 25 บาทต่อคน เมื่อนำมาคูณกับจำนวนผู้โดยสารต่อปี พบว่ารัฐต้องชดเชยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน 3,902,709,950 บาทต่อปี

รถไฟฟ้าสายสีม่วง มีราคาค่าโดยสารอยู่ที่ 14-42 บาท (อ้างอิงจากค่าโดยสารก่อนเริ่มโครงการนำร่องรถไฟฟ้า 20 บาทในรถไฟฟ้าสายสีม่วง) และมีจำนวนผู้โดยสาร 24,534,661 คน-เที่ยวต่อปี หากคิดค่าชดเชยจากราคาค่าโดยสารเฉลี่ย คือ 28 บาท เท่ากับรัฐต้องจ่ายค่าส่วนต่างที่ 8 บาทต่อคน เมื่อนำมาคูณกับจำนวนผู้โดยสารต่อปี พบว่ารัฐต้องชดเชยรถไฟฟ้าสายสีม่วง 196,277,288 บาทต่อปี แต่ถ้าคิดจากราคาค่าโดยสารสูงสุด คือ 42 บาท เท่ากับรัฐต้องจ่ายค่าส่วนต่างที่ 22 บาทต่อคน เมื่อนำมาคูณกับจำนวนผู้โดยสารต่อปี พบว่ารัฐต้องชดเชยรถไฟฟ้าสายสีม่วง 539,762,542 บาทต่อปี

รถไฟฟ้าสายสีแดง มีราคาค่าโดยสารอยู่ที่ 16-42 บาท และมีจำนวนผู้โดยสาร 9,936,221 คน-เที่ยวต่อปี หากคิดค่าชดเชยจากราคาค่าโดยสารเฉลี่ย คือ 31 บาท เท่ากับรัฐต้องจ่ายค่าส่วนต่างที่ 11 บาทต่อคน เมื่อนำมาคูณกับจำนวนผู้โดยสารต่อปี พบว่ารัฐต้องชดเชยรถไฟฟ้าสายสีแดง 109,298,431 บาทต่อปี แต่ถ้าคิดจากราคาค่าโดยสารสูงสุด คือ 42 บาท เท่ากับรัฐต้องจ่ายค่าส่วนต่างที่ 22 บาทต่อคน เมื่อนำมาคูณกับจำนวนผู้โดยสารต่อปี พบว่ารัฐต้องชดเชยรถไฟฟ้าสายสีแดง 218,596,862 บาทต่อปี

รถไฟฟ้าสายสีเหลือง มีราคาค่าโดยสารอยู่ที่ 19-45 บาท และมีจำนวนผู้โดยสาร 14,302,343 คน-เที่ยวต่อปี หากคิดค่าชดเชยจากราคาค่าโดยสารเฉลี่ย คือ 31 บาท เท่ากับรัฐต้องจ่ายค่าส่วนต่างที่ 11 บาทต่อคน เมื่อนำมาคูณกับจำนวนผู้โดยสารต่อปี พบว่ารัฐต้องชดเชยรถไฟฟ้าสายสีเหลือง 157,325,773 บาทต่อปี แต่ถ้าคิดจากราคาค่าโดยสารสูงสุด คือ 45 บาท เท่ากับรัฐต้องจ่ายค่าส่วนต่างที่ 25 บาทต่อคน เมื่อนำมาคูณกับจำนวนผู้โดยสารต่อปี พบว่ารัฐต้องชดเชยรถไฟฟ้าสายสีเหลือง 357,558,575 บาทต่อปี

รถไฟฟ้าสายสีชมพู มีราคาค่าโดยสารอยู่ที่ 18-45 บาท และมีจำนวนผู้โดยสาร 20,196,208 คน-เที่ยวต่อปี หากคิดค่าชดเชยจากราคาค่าโดยสารเฉลี่ย คือ 32.5 บาท เท่ากับรัฐต้องจ่ายค่าส่วนต่างที่ 12.5 บาทต่อคน เมื่อนำมาคูณกับจำนวนผู้โดยสารต่อปี พบว่ารัฐต้องชดเชยรถไฟฟ้าสายสีชมพู 252,452,600 บาทต่อปี แต่ถ้าคิดจากราคาค่าโดยสารสูงสุด คือ 45 บาท เท่ากับรัฐต้องจ่ายค่าส่วนต่างที่ 25 บาทต่อคน เมื่อนำมาคูณกับจำนวนผู้โดยสารต่อปี พบว่ารัฐต้องชดเชยรถไฟฟ้าสายสีชมพู 504,905,200 บาทต่อปี

รถไฟฟ้าสายแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ มีราคาค่าโดยสารอยู่ที่ 15-45 บาท และมีจำนวนผู้โดยสาร 24,193,675 คน-เที่ยวต่อปี หากคิดค่าชดเชยจากราคาค่าโดยสารเฉลี่ย คือ 30 บาท เท่ากับรัฐต้องจ่ายค่าส่วนต่างที่ 10 บาทต่อคน เมื่อนำมาคูณกับจำนวนผู้โดยสารต่อปี พบว่ารัฐต้องชดเชยรถไฟฟ้าสายแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 241,936,750 บาทต่อปี แต่ถ้าคิดจากราคาค่าโดยสารสูงสุด คือ 45 บาท เท่ากับรัฐต้องจ่ายค่าส่วนต่างที่ 25 บาทต่อคน เมื่อนำมาคูณกับจำนวนผู้โดยสารต่อปี พบว่ารัฐต้องชดเชยรถไฟฟ้าสายแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ 604,841,875 บาทต่อปี

จากข้อมูลพบว่าในกรณีที่คิดจากค่าโดยสารเฉลี่ย หากนำมารวมกันทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียว สีน้ำเงิน สีม่วง สีแดง สีเหลือง สีชมพู และแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาท จะใช้เงินชดเชยประมาณ 7,199,524,469 บาทต่อปี แต่หากคิดจากค่าโดยสารสูงสุด นโยบายนี้อาจใช้เงินสูงถึง 17,307,888,678 บาทต่อปี ซึ่งตัวเลขนี้อาจเพิ่มขึ้นจากที่คำนวณไว้ เนื่องจากยังไม่ได้คำนวณกรณีการเดินทางข้ามสายที่นโยบายบอกว่าราคา 20 บาทตลอดสายนั้น ไม่ว่าจะเดินทางกี่ต่อ กี่สาย ก็จะคิดราคา 20 บาท เพราะยังไม่มีข้อมูลผู้โดยสารเดินทางข้ามสาย รวมไปถึงตัวเลขผู้ใช้รถไฟฟ้าอาจจะสูงขึ้นในอนาคต และยังไม่รวมค่าต้นทุนการเดินรถอื่นๆ และค่าใช้จ่ายในการทำระบบทั้งหมด

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการที่คณะรัฐมนตรีเสนอกรอบวงเงินชดเชยรายได้ค่าโดยสารรถไฟฟ้า ในงบประมาณประจำปี 2569 ไว้ที่ 5,512 ล้านบาท อาจจะไม่เพียงพอต่อการชดเชยค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นจากโครงการนี้ แม้จะมีการประเมินว่าโครงการนี้จะทำให้คนหันมาใช้ขนส่งสาธารณะเพิ่มขึ้น อาจช่วยเพิ่มรายได้ให้กับผู้ให้บริการรถไฟฟ้า แต่ในอนาคตยังมีแผนที่จะปรับให้การเดินทางข้ามสายในราคา 20 บาทที่ยังไม่มีการประเมินว่าจะคำนวณส่วนต่างชดเชยให้ผู้บริการรถไฟฟ้าอย่างไร รวมถึงในตอนนี้ร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ร่าง พ.ร.บ. การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. … และ ร่าง พ.ร.บ.การขนส่งทางราง พ.ศ. … ที่กำลังจะเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ทันเดดไลน์รถไฟฟ้า 20 บาท ที่จะเริ่มให้ประชาชนที่จะใช้บริการเข้าลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐในวันที่ 25 สิงหาคม 2568 และเริ่มให้บริการในราคา 20 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

‘ภูมิธรรม’ ให้แก้ปัญหาตามสภาพการณ์ หลังชาวเขมรบุกรื้อลวดหนามบ้านหนองจาน

19 นาทีที่แล้ว

‘บิ๊กเต่า’เผยพบพฤติการณ์ ‘โล้นอลงกต’ พยายามหลบหนี ตำรวจชิงจับตัวกลางดึก

32 นาทีที่แล้ว

DITP นำคณะถกโตโยต้าอาร์เจนตินา ผลักดันนำเข้าชิ้นส่วนจากไทย

42 นาทีที่แล้ว

‘หมอแท้จริง’ ชี้ปฏิเสธเป่าแอลกอฮอล์ โทษคุก 1 ปี ปรับ 2 หมื่น

50 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

‘โตโต้ ปิยรัฐ’ ลุ้นฟังคำพิพากษาคดี ม.112 พ่วง พ.ร.บ.คอมฯ ปมโพสต์วิจารณ์สลายการชุมนุม ‘ขายกุ้ง’

THE STANDARD

แบงก์ยัน หลวงพ่ออลงกต ใช้ใบสุทธิเลข 13 หลักของคนตายเปิดบัญชี

TNews

โครงการอ่างเก็บน้ำ ต.ยางหัก ปากท่อ : น้ำเพียงพอ ชีวิตราษฎรมั่นคงตลอดปี

สยามรัฐ

26 ส.ค. 68! "น้ำประปาไม่ไหล" 2 พื้นที่ ปรับปรุงท่อ บ.คลองเจ็ก และคลองลาดลี

PPTV HD 36

“พระอลงกต” เคลื่อนไหวกลางดึก ตำรวจแสดงหมายจับรวบ

ข่าวช่องวัน 31

รัฐบาลตั้งวอร์รูมรับมือพายุคาจิกิ

ไทยโพสต์

Thai Abbot and Faith Influencer Arrested in Temple Embezzlement Probe

สำนักข่าวไทย Online

ภท.จับตาผลวินิจฉัยคดีคลิปเสียงนายกฯ 29 ส.ค.นี้

สำนักข่าวไทย Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
รีโพสต์ (0)
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...