โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

“โกลเบล็ก” จับตาเจรจาการค้าสหรัฐ-ไทยมองกรอบ 1,200-1,260 จุด ,แนะหุ้น CBG – SAV

ทันหุ้น

อัพเดต 17 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 17 ชั่วโมงที่ผ่านมา

#ทันหุ้น- บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ Sideway ออกข้าง หลังไทย-กัมพูชา บรรลุข้อตกลงหยุดยิง แนะเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและไทย ซึ่งคาดว่าจะทราบผลก่อนเส้นตายวันที่ 1 ส.ค.นี้ จึงให้กรอบดัชนี 1,200-1,260 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ปรับตัวลงแรงจากสถานการณ์ความตึงเครียดไทย-กัมพูชา ได้แก่ CBG – SAV หนุนราคาหุ้น Rebound ระยะสั้น

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้มีโอกาส Sideway ออกข้าง โดยได้ปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ความตึงเครียดไทย-กัมพูชาลดลง หลังบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ประกอบกับยุโรป ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐฯ โดยสหรัฐฯ จะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจาก EU ในอัตรา 15% ลดลงครึ่งหนึ่งจากเดิมอัตรา 30% โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค.นี้

ขณะที่การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-จีน จะเริ่มการเจรจาการค้าระดับสูง ท่ามกลางความคาดหวังว่าอาจมีการตกลงขยายเวลาการพักชำระภาษี 90 วัน ระหว่างสองประเทศออกไปหลังวันที่ 12 ส.ค.นี้ ส่วนการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและไทย ซึ่งคาดว่าจะทราบผลก่อนเส้นตายวันที่ 1 ส.ค.นี้

อีกทั้งทางกระทรวงการคลัง เล็งผุดมาตรการด้านภาษีกระตุ้นท่องเที่ยวเพิ่มเติม หวัง บูสต์ ช่วงก่อน High Season จ่อปักหมุดเดือน ส.ค. - ก.ย.นี้ มองกรอบดัชนีในสัปดาห์นี้ที่ 1,200-1,260 จุด

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดี ทรัมป์ ยังคงออกมาให้ข่าวต่อเนื่องว่า สหรัฐฯ เดินหน้าเริ่มเก็บภาษีนำเข้าที่เรียกว่าภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ในอัตราระหว่าง 15% - 50% หลังพ้นเส้นตายเจรจาการค้าในวันที่ 1 ส.ค.นี้ โดยกำหนดให้ 15% เป็นอัตราขั้นต่ำ สำหรับประเทศที่มีความสัมพันธ์ไม่ราบรื่นกับสหรัฐฯ อาจถูกเก็บในอัตราสูงสุด 50%

ด้านหอการค้าไทยประเมินว่าแม้การส่งออกครึ่งปีแรกปี 2568 ขยายตัวสูงถึง 15% จากการเร่งนำเข้าสินค้าไทยก่อนมาตรการกีดกันทางการค้าใหม่มีผลบังคับใช้ แต่ในช่วงครึ่งปีหลังอาจหดตัวลงอย่างมากทำให้ภาพรวมปี 2568 อาจติดลบหรือใกล้ศูนย์ และการแข็งค่าของเงินบาทส่งผลกระทบต่อต้นทุนสินค้าไทยเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งที่มีค่าเงินอ่อนกว่า โดยเฉพาะสินค้าโภคภัณฑ์ที่แข่งขันด้านราคา

นอกจากนี้ยังคงต้องเฝ้าระวังปัจจัยในประเทศที่อาจจะส่งผลต่อการลงทุนได้เช่นกัน อาทิ วันที่ 31 ก.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย, สัปดาห์ 5 สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค, สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม แถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ส่วนปัจจัยต่างประเทศ อาทิ วันที่ 30 ก.ค. อียู รายงาน GDP ไตรมาส 2/68 (ประมาณการเบื้องต้น), สหรัฐ รายงานตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชนเดือน ก.ค., GDP ไตรมาส 2/68 (ประมาณการเบื้องต้น) ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) เดือนมิ.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์, วันที่ 29–30 ก.ค. ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ ครั้งที่ 4/68, เช้าวันที่ 31 ก.ค. เฟด แถลงผลการประชุมครั้งที่ 4/68, วันที่ 31 ก.ค. ญี่ปุ่น รายงานยอดค้าปลีก เดือนมิ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ค., ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย, อียู รายงานอัตราการว่างงานเดือนมิ.ย., สหรัฐ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมิ.ย.

**แนะนำหุ้น CBG และ SAV

นายวัชเรนทร์ จงยรรยง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ปรับตัวลงแรงจากสถานการณ์ความไม่สงบไทย-กัมพูชา หลังมีการประชุม และได้บรรลุข้อตกลง 3 ข้อ ได้แก่ หยุดยิงทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขโดยมีผลภายใน 24.00 น. ของคืนวันที่ 28 ก.ค., ในวันที่ 29 ก.ค. มีการประชุมแม่ทัพภาค 1 และ 2 ของฝ่ายไทย และกองทัพภาค 4 และ 5 ของกัมพูชา ได้ตกลงหยุดยิงทันที โดยไม่มีเงื่อนไข พร้อมเดินหน้าประชุมร่วมกองทัพ 2 ฝ่าย และจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ในวันที่ 4 ส.ค. นี้ โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์ได้แก่ CBG และ SAV ส่งผลให้ราคาหุ้นมีโอกาสกลับมา Rebound ได้ในระยะสั้น

**แนวโน้มราคาทอง

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่า ราคาทองคำมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวน เนื่องจากนักลงทุนจับตาการประกาศตัวเลขการจ้างงาน สหรัฐ ตัวเลขเงินเฟ้อ PCE GDP ไตรมาส 2/68 ของสหรัฐฯ และผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ เผยได้บรรลุข้อตกลงทางการค้ากับ EU และญี่ปุ่นแล้ว ทำให้นักลงทุนเทขายทำกำไรทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

อย่างไรก็ตามวันที่ 1 ส.ค.นี้ สหรัฐฯ จะเริ่มเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ในอัตราระหว่าง 15-20% ทำให้นักลงทุนยังคงถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เป็นปัจจัยช่วยพยุงราคาทองคำ มองกรอบทองคำสัปดาห์นี้ 3,250–3,345 $/Oz หากหลุดแนวรับให้ชะลอการลงทุน

รู้ทันเกม รู้ก่อนใคร ติดตาม "ทันหุ้น" ได้ทุกช่องทางเหล่านี้

Facebook คลิก https://www.facebook.com/thunhoonnews

Youtube คลิก https://www.youtube.com/c/ThunhoonOfficial

Tiktok คลิก https://www.tiktok.com/@thunhoon_/

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ทันหุ้น

Smarter Web ทุ่มอีก 27 ล้านดอลล์ ซื้อ BTC ดันคลังทะลุ 2,000 เหรียญ

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ราคาทองวันนี้เปลี่ยนแปลง 6 ครั้งปรับขึ้น 200 บาท รูปพรรณขายออกที่ 52,050 บาท

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

TLIเดินเข้ากลุ่มEST100ปีที่3 ย้ำบทบาทดำเนินธุรกิจยั่งยืน

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ITC พุ่ง 10% โบรกคาดการณ์ผลงานไตรมาส 2/68

9 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

‘คลัง’ รายงานยอดจัดเก็บรายได้ 9 เดือน อยู่ที่ 2.04 ล้านล้านบาท พลาดเป้า!!

The Bangkok Insight

“TILOG – LOGISTIX 2025” เสริมแกร่งซัพพลายเชนโลจิสติกส์ ยกระดับการขนส่งสินค้าและการส่งออกให้ธุรกิจไทย

Wealthy Thai

GC และ PE LNG ผนึกกำลังเดินหน้าโครงการใช้พลังงานความเย็น จากก๊าซธรรมชาติเหลวในกระบวนการผลิตโอเลฟินส์ หนุนเป้าหมาย Net Zero

Wealthy Thai

HL เปิด Pharmax สาขาใหม่ ดันเครือข่ายร้านยาแตะ 68 แห่ง

Wealthy Thai

RT ต้อนรับ APM เยี่ยมชมโครงการรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ช่วงอุโมงค์แม่กา จ.พะเยา

Wealthy Thai

SM ส่งพลังน้ำใจ ช่วยผู้ประสบภัยชายแดนไทย-กัมพูชา

Wealthy Thai

HFT รุกตลาดมอเตอร์สปอร์ต! ดันแบรนด์ DURO สู่กลุ่มนักแข่ง หนุน Road Racing 2025

Wealthy Thai

UMI Group ชูกลยุทธ์ธุรกิจควบคู่ ESG เดินหน้ามุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2065 เพื่อการเติบโตยั่งยืนในระยะยาว

Wealthy Thai

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...