5 กลโกงยอดฮิตที่มักจะเกิดเมื่อ ช่างแอร์ มาล้างที่คุณไม่รู้
เมื่อเวลาที่มีคนมาทำอะไรกับบ้านเราก็มักจะถามหาช่างเสมอ แอร์ก็เช่นกัน แล้วรู้กันไหมว่าเวลาที่เราให้ช่างมาล้างแอร์ บางคนมักจะหัวหมอทำอะไรบางอย่างให้เราเสียเงินเพิ่มหรือ ทำให้อายุของแอร์สั้นลง วันนี้ Sanook Hitech ได้รวบรวม 5 เรื่องฮิตที่มักจะเป็นกลอุบายของช่างแอร์ ที่บางครั้งอาจจะเป็นเพราะร้านแอร์สั่งช่างที่เคยเป็นข่าวมาแล้วก็มี เริ่มกันเลย
5 กลโกลที่ช่างแอร์ชอบใช้หลอกเรา
1. ชอบบอกว่า "น้ำยาแอร์ขาด ต้องเติม"
นี่คือกลโกงอันดับหนึ่งที่เจอกันบ่อยที่สุด ช่างจะนำเกจวัดมาวัดแล้วบอกว่า "พี่ครับ น้ำยาแอร์พร่องไปเยอะเลย ต้องเติมนะครับ" ทำให้เรากังวล
- ความจริงคืออะไร?: ระบบแอร์เป็น ระบบปิด (Closed System) โดยปกติแล้วน้ำยาแอร์จะไม่มีวันหมดหรือพร่องไปเองได้ ถ้ามันหายไป แสดงว่า "มีรอยรั่ว" ในระบบ
- สิ่งที่ช่างมักจะทำ: เติมน้ำยาแอร์เข้าไปใหม่โดยไม่หารอยรั่ว คิดเงินค่าเติมน้ำยา (ซึ่งราคาสูง) ไม่นานแอร์ของคุณก็จะกลับมาไม่เย็นอีกครั้ง เพราะน้ำยาได้รั่วออกไปหมดแล้ว และคุณก็ต้องเรียกช่างมาเติมใหม่ วนไปเรื่อยๆ เป็นการจ่ายเงินที่ไม่จบสิ้น
- วิธีรับมือที่ถูกต้อง: หากช่างบอกว่าน้ำยาขาด ให้ถามกลับไปว่า "รั่วตรงไหนคะ/ครับ?" ช่างมืออาชีพจะพยายามหาจุดรั่ว, อุดรอยรั่ว, ทำสุญญากาศในระบบ (แวคคั่ม) แล้วจึงค่อยเติมน้ำยาใหม่ ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ และเราควรเฝ้าช่างว่าไปเปิดระบบของน้ำยาแอร์หรือไม่
2. เปลี่ยนอะไหล่เกินจำเป็น
อาการเสียเล็กน้อย แต่ช่างจะวินิจฉัยว่าเป็นที่ชิ้นส่วนใหญ่ๆ ที่มีราคาสูง เพื่อจะได้คิดค่าอะไหล่และค่าแรงแพงๆ ฟากินเรียบ!
ตัวอย่างสถานการณ์
อาการ แอร์ไม่เย็นเพราะแคปพัดลม (Capacitor) เสื่อม (ราคาหลักร้อย)
- สิ่งที่ช่างมักจะทำ บอกว่า "คอมเพรสเซอร์เสีย" หรือ "แผงวงจร (บอร์ด) ช็อต" ต้องเปลี่ยนใหม่ยกชุด (ราคาหลักพันถึงหมื่น)
- อาการ รีโมทเสีย หรือถ่านหมด
- สิ่งที่ช่างมักจะทำ บอกว่าตัวรับสัญญาณที่แอร์เสีย ต้องเปลี่ยนแผงวงจร
วิธีรับมือที่ถูกต้อง หากมีการเสนอให้เปลี่ยนอะไหล่ชิ้นใหญ่ ให้ลองขอความเห็นจากช่างเจ้าอื่น (Second Opinion) ก่อนตัดสินใจ และที่สำคัญ "ขออะไหล่เก่าคืนทุกครั้ง" เพื่อเป็นหลักฐานว่ามีการเปลี่ยนจริงและป้องกันการนำอะไหล่เก่าไปวนหลอกคนอื่นต่อ
3. ล้างแอร์ราคาถูก แต่มีค่าใช้จ่ายแฝง (Bait and Switch)
โฆษณาในโซเชียลว่า "ล้างแอร์ 300-400 บาท!" เพื่อดึงดูดลูกค้า แต่พอมาถึงหน้างาน จะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ งอกขึ้นมาเต็มไปหมด
สิ่งที่ช่างมักจะทำ:
"ราคานี้ล้างแค่คอยล์เย็น (ตัวในบ้าน) นะครับ ถ้าล้างคอยล์ร้อน (ตัวนอกบ้าน) ด้วย คิดเพิ่ม" (ปกติการล้างแอร์ต้องล้างทั้งสองส่วน)
- "ต้องใช้น้ำยา…ชนิดพิเศษล้าง ถึงจะสะอาด คิดเงินเพิ่ม"
- "ต้องเติมน้ำยาแอร์ด้วยนะครับ" (กลับไปที่ข้อ 1)
วิธีรับมือที่ถูกต้อง: ก่อนนัดหมาย ให้สอบถามรายละเอียดให้ชัดเจนว่า "ราคานี้รวมอะไรบ้าง? ล้างคอยล์ร้อน-คอยล์เย็นใช่หรือไม่? มีค่าใช้จ่ายอื่นเพิ่มเติมหน้างานไหม?"
4. โก่งราคาอะไหล่ หรือใช้อะไหล่ปลอม/มือสอง
เมื่อจำเป็นต้องเปลี่ยนอะไหล่จริงๆ ช่างบางคนจะคิดราคาอะไหล่สูงเกินจริงมาก หรือนำอะไหล่ปลอม/มือสองมาใส่ให้ แต่คิดราคาเต็ม
- สิ่งที่ช่างมักจะทำ: แจ้งราคาอะไหล่แบบปากเปล่าที่สูงลิ่ว โดยอาศัยว่าลูกค้าไม่มีความรู้เรื่องราคา
- วิธีรับมือที่ถูกต้อง: ลองนำชื่อหรือรหัสของอะไหล่ชิ้นนั้นไปค้นหาราคามาตรฐานในอินเทอร์เน็ตดูก่อน เพื่อเปรียบเทียบราคา หากเป็นไปได้ ควรเลือกร้านที่มีใบเสร็จและระบุรายการอะไหล่ชัดเจน
5. แกล้งทำให้เสียเพื่อสร้างงาน
เป็นกรณีที่แย่ที่สุด คือช่างจงใจทำให้ส่วนอื่นเสียหายเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ลูกค้าต้องเรียกซ่อมในครั้งต่อไป
- สิ่งที่ช่างมักจะทำ: อาจจะคลายน็อตบางตัว, ตัดสายไฟเล็กๆ ที่มองเห็นยาก, หรือปล่อยน้ำยาแอร์ออกเล็กน้อยตอนที่ลูกค้าเผลอ
- วิธีรับมือที่ถูกต้อง: พยายามอยู่สังเกตการณ์ทำงานของช่างตลอดเวลาเท่าที่เป็นไปได้ ไม่ต้องถึงกับยืนกดดัน แต่ให้อยู่ในบริเวณที่มองเห็นการทำงานได้
วิธีป้องกันตัวเองจากการโดนหลอก
หากคุณกลัวว่าช่างแอร์หลอกเราหรือบริษัทแอร์มาหลอกเราเกี่ยวกับเรื่องของการล้างแอร์ ควรจะต้องมีวิธีปฎิบัติตัวดังนี้
เลือกร้าน/ช่างที่น่าเชื่อถือ
หาจากคำแนะนำของคนรู้จักที่เคยใช้บริการแล้วประทับใจ
เลือกร้านที่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งชัดเจน มีหน้าร้าน
ตรวจสอบรีวิวใน Google Maps หรือ Facebook Page ของร้าน
หากแอร์ยังอยู่ในประกัน ควรเรียกใช้บริการจากศูนย์ของยี่ห้อนั้นๆ โดยตรง
สอบถามราคาและขอบเขตงานชัดเจน ก่อนตกลง ควรสอบถามให้แน่ใจว่าค่าบริการครอบคลุมอะไรบ้าง มีค่าเดินทางหรือค่าใช้จ่ายแฝงอื่นหรือไม่
อย่าหลงเชื่อโปรโมชั่นที่ถูกเกินจริง ของถูกและดีอาจมี แต่ส่วนใหญ่มักมาพร้อมกับลูกเล่นแอบแฝง
สังเกตการณ์ทำงาน อยู่ดูการทำงานของช่าง สอบถามข้อสงสัยด้วยความสุภาพ เช่น "กำลังทำอะไรอยู่เหรอ" "ชิ้นส่วนนี้ทำหน้าที่อะไร" ถามเยอะๆ ก็ได้มันไม่ผิดแต่อย่าง
ขออะไหล่เก่าคืน หากมีการเปลี่ยนอะไหล่ ยืนยันที่จะขออะไหล่ชิ้นเก่ากลับมาเสมอ
อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ หากช่างเสนอการซ่อมใหญ่ที่ค่าใช้จ่ายสูง ให้บอกไปว่า "ขอเวลาตัดสินใจและปรึกษาคนในครอบครัวก่อน" แล้วลองหาช่างเจ้าที่สองมาประเมินอาการ เพราถ้ารียบก็อาจจะเข้าทางได้
การมีความรู้พื้นฐานและรู้จักตั้งคำถาม คือเกราะป้องกันที่ดีที่สุดในการรับมือกับช่างที่ไม่มีจรรยาบรรณ และถ้าคุณได้ช่างดีรับรองว่า มีชัยไปกว่าครึ่งและก็รักษาเขาให้อยู่กับเราไปนานๆ ก็ดีเหมือนกันครับ