ลุ้นกำไร 7 แบงก์ Q2/68 ปันผลครึ่งแรก จับตาประกาศงบวันแรก 15 ก.ค.นี้

อัพเดต 1 วันที่แล้ว • เผยแพร่ 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ใกล้เข้ามาแล้วกับฤดูกาลประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 หลังจากปิดงบไปเมื่อเดือน มิ.ย.2568ประเดิมด้วยงบของกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มแรก ซึ่งคาดว่าจะเริ่มประกาศงบในวันที่ 15 ก.ค.2568 เป็นวันแรก

ทั้งนี้ “โพสต์ทูเดย์” ได้หยิบยกบทวิเคราะห์ของ บล.กรุงศรี ซึ่งได้มีการประเมินถึงภาพรวมกำไรของทั้งกลุ่มธนาคาร และกำไรของแต่ละธนาคาร รวมไปถึงเงินปันผลระหว่างกาล และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield)

บล.กรุงศรี พัฒนสิน ประเมินว่า กลุ่มธนาคาร 7 แห่ง ที่ศึกษา ได้แก่ BBL, KBANK, KTB, SCB, TTB, KKPและ TISCO จะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 51,510 ล้านบาท ลดลง 4% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และลดลง 12% จากไตรมาสก่อน

กำไรไตรมาส 2/2568 ที่ลดลง เพราะ 1) รายได้ดอกเบี้ย (NII) ลดลง 8%จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และลดลง 3% จากไตรมาสก่อน จาก NIM ที่ 2.89% ลดลงจากไตรมาส 2/2567 ที่ 3.15% และไตรมาส 1/2568 ที่ 2.97% จากการปรับลดลงของ yield on loan จากดอกเบี้ยนโยบายที่ปรับลดลง การขยายสินเชื่อไปยังกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำและการลดภาระดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้ในโครงการ คุณสู้ เราช่วย ประกอบกับสินเชื่อรวมลดลง 0.3% จากไตรมาสก่อน คิดเป็น 0.9%YTD จากสินเชื่อธุรกิจ SME และรายย่อย

2) รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) ลดลง 3% จากไตรมาสก่อน จากการลดลงของเงินลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมด้านตลาดทุน

3) ค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อนจากความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ลดลง NPL ratio ที่ 3.76% เพิ่มขึ้นจาก 3.68% ในไตรมาส 1/2568

โดยคาดธนาคารรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2568เติบโตจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และไตรมาสก่อน คือ KKP ที่ 1,080 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 40.5% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 1.7% จากไตรมาสก่อน)

สำหรับธนาคารรายงานกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่ลดลงจากไตรมาสก่อน คือ SCB ที่ 10,400 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3.9% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 16.8% จากไตรมาสก่อน)

ส่วนธนาคารรายงานกำไรสุทธิลดลงจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และลดลงจากไตรมาสก่อน คือ BBL ที่ 10,700 ล้านบาท (ลดลง 9.4% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และลดลง 15.2% จากไตรมาสก่อน), KBANK ที่ 12,100 ล้านบาท (ลดลง 4.4% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และลดลง 12.3% จากไตรมาสก่อน), KTB ที่ 10,900 ล้านบาท (ลดลง 2.6% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และลดลง 7% จากไตรมาสก่อน), TTB ที่ 4,770 ล้านบาท (ลดลง 10.9% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และลดลง 6.4% จากไตรมาสก่อน) และ TISCO ที่ 1,560 ล้านบาท (ลดลง 11% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และลดลง 5.1% จากไตรมาสก่อน)

ขณะที่ภาพรวมกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารในปี 2568 คาดอยู่ที่ 203,618 ลดลง ลดลง 5.1% จากปีก่อน กดดันหลักจากรายได้ดอกเบี้ย (NII) ทั้ง 1) การลดลงของ NIM จากคาดดอกเบี้ยนโยบายปี 2568 ลง 3 รอบ รอบละ 0.25% เหลือ 1.50% การขยายไปกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ และการลดภาระดอกเบี้ยให้ลูกหนี้ในโครงการ คุณสู้เราช่วย 2) สินเชื่อรวมคาดหดตัว 0.4% จากปีก่อน จากธนาคารเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และเน้นการปล่อยสินเชื่อไปยังกลุ่มที่มีคุณภาพ

ดังนั้น คงน้ำหนักการลงทุนเป็น NEUTRAL สำหรับกลุ่มธนาคาร มองธีมการลงทุนกลุ่มธนาคารเป็น value play เพราะธนาคารคงปันผลระดับสูง dividend yield คาดที่ 6-9% ต่อปี ภาพรวมปี 2568 มองการจัดการคุณภาพสินทรัพย์ทั้งค่าใช้จ่ายสำรอง(credit cost) และหนี้เสีย (NPL) เป็นประเด็นหลัก โดยคาดว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นระดับที่ธนาคารยังสามารถควบคุมได้ยังคง KBANK (BUY ราคาเป้าหมาย 170 บาท) และ KTB(BUY ราคาเป้าหมาย 25 บาท) เป็น Top Pick

ทั้งนี้ เห็นธนาคารส่วนใหญ่บริหารจัดการเงินทุน โดยการปรับเพิ่ม dividend payout ratio โดยมองว่าธนาคารคงจ่ายเงินปันผล 2568 ในระดับสูงคิดเป็น dividend yield 6-9% โดยครึ่งแรกปี 2568 คาดธนาคารจ่ายปันผลระหว่างกาล คิดเป็น dividend yield 1-3% ซึ่งจะประกาศปันผลในเดือน ส.ค.-ก.ย.2568 และขึ้น XD เดือน ก.ย.-ต.ค.2568 ดังนี้

1.ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL