จับปลัดคนดัง เรียกค่าหัวคิวทำบัตรชมพู เงินสะพัด !
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) นำโดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ได้ร่วมกันจับกุม นายบุญญฤทธิ์ อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 5 ที่ 21/2568 ลง 27 มิ.ย.68 ความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบเพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 157 เหตุเกิด ศูนย์บริหารการทะเบียน ภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ ตำบลเชิงดอย อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่
สืบเนื่องจาก บก.ปปป. ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก สำนักงาน ป.ป.ช. และ สำนักงาน ป.ป.ท.กล่าวคือผู้เสียหาย ซึ่งเปิดบริษัทนำคนต่างด้าวมาทำงานในพื้นที่ และเป็นตัวแทนรับดำเนินการขึ้นทะเบียนแรงงาน (บัตรชมพู) ได้ยื่นคำร้องขอนัดคิวทำบัตรฯ ต่อ สนง.ทะเบียนภาค 5 จำนวน 600 ราย แต่ไม่เคยได้รับคิวทำบัตร ต่อมาได้รับทราบจากนาง เอ (นามสมมติ) ซึ่งเป็นกลุ่มนายหน้ารับทำบัตรฯ เช่นกัน ได้กล่าวว่าจะต้องเสียค่าหัวคิวให้นายบุญญฤทธิ์ฯ รายละ 200 บาท โดยแบ่งเป็นค่าธรรมเนียมบัตร จำนวน 80 บาท ส่วนอีกจำนวน 120 บาท เป็นค่าใช้จ่ายให้ ปลัดบุญฤทธิ์ฯ เป็นค่าหัวคิว
หลังจากนั้น พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป.ได้สั่งการให้ ชุดสืบสวน ฯ พร้อมด้วย จนท. ป.ป.ช. และ จนท.ปปท. ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องแล้วพบว่า มีกลุ่มตัวแทนที่รับดำเนินการขึ้นทะเบียนแรงงาน (บัตรชมพู) จริง สอบถามผู้เกี่ยวข้องก็ยืนยันว่า กลุ่มตัวแทนนายหน้ารายอื่นๆ ก็จะต้องจ่ายเงินค่าหัวคิวให้แก่ นายบุญญฤทธิ์ฯ เช่นกัน ซึ่งในแต่ละวันจะมีแรงงานต่างด้าวขึ้นทะเบียน ไม่ต่ำกว่า 1,000 ราย คิดเป็นเงินค่าหัวคิววันละ 200,000 บาท
โดยขบวนการนี้มีพฤติการณ์เรียกรับเงินค่าธรรมเนียมและค่าดำเนินการในการจัดทำบัตรชมพู (ทะเบียนประวัติคนต่างด้าว) สูงถึง รายละ 200 บาท ทั้งที่อัตราค่าธรรมเนียมตามกฎหมายกำหนดไว้เพียง 80 บาท ต่อรายเท่านั้นและมีการสร้างระบบ ผูกขาดโควตา โดยหากตัวแทนรับจ้างรายใดไม่ยอมจ่ายเงินส่วนต่างที่เรียกเก็บก็จะไม่สามารถจองคิวเพื่อนำแรงงานเข้าระบบได้ จากข้อมูลพบว่า ศูนย์ดังกล่าวมีศักยภาพในการทำบัตรให้คนต่างด้าวได้ประมาณ วันละ 1,000 ราย ซึ่งหมายถึงเงินนอกระบบที่สะพัดในขบวนการนี้มีมูลค่ามหาศาล
พนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) จึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ออกหมายจับผู้ต้องหา และขอหมายค้น จำนวน 1 จุด จนวันนี้ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช., ป.ป.ท.วางแผนเข้าจับกุมผู้ต้องหา และเข้าค้นจุดต้องสงสัย พร้อมกัน 1 จุด ในเขตพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ ทางที่ว่าการอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงว่า ตามข่าวที่ปรากฏตามสื่อต่าง ๆ ว่ามีการจับกุม “ปลัดอำเภอสันทราย” กรณี เรียกรับเงินค่าธรรมเนียมบัตรชมพู นั้น ที่ทำการปกครองอำเภอสันทราย ขอชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่คนดังกล่าว ปัจจุบันไม่ได้ดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอสันทราย แต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้รับคำสั่งให้ไปช่วยราชการ สำนักบริหารการทะเบียน และปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าศูนย์บริหารงานทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566
ทั้งนี้ ที่ทำการปกครองอำเภอสันทราย ขอยืนยันว่า ที่ทำการปกครองอำเภอสันทราย และสำนักทะเบียนอำเภอสันทราย ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทุกคน ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ตามระเบียบกฎหมาย เสมอภาค และเท่าเทียม ไม่มีพฤติกรรมการเรียกรับเงินตามที่ปรากฏตามสื่อแต่อย่างใด.